ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ภัยแล้งภาคเหนือว่า ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ซึ่งมีการเปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงตามแผนปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2559 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปฏิบัติการทำฝนหลวงบรรเทาภัยแล้งและปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ รวมทั้งเติมน้ำลงสู่เขื่อน ได้เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 59 เป็นต้นมาไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค. 59 ทั้งนี้ตั้งแต่ที่ได้เริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2559 ทางศูนย์เพิ่งสามารถทำการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงได้เพียงรอบเดียวเท่านั้นเมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2559 ที่ผ่านมาในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม และอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีฝนตกเล็กน้อย
โดยสาเหตุที่ทำให้เพิ่งทำการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงได้เพียงรอบเดียวเท่านั้น เนื่องมาจากการเฝ้าติดตามและประเมินสภาพอากาศ พบว่าในช่วงนี้สภาพอากาศยังไม่เหมาะสมต่อการทำฝนเทียม เพราะที่ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศยังมีน้อยเกินไปและกระแสลมด้านบนที่แรงมาก ซึ่งส่งผลให้เมฆไม่สามารถที่จะพัฒนาเพื่อทำให้เกิดฝนได้ ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ สิ่งที่มีการดำเนินการในเวลานี้ก็คือการเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดและพร้อมที่จะปฏิบัติการทันทีที่มีโอกาส ซึ่งเบื้องต้นกำลังมีการจับตาสภาพอากาศและประเมินสถานการณ์ว่าในช่วงวันที่ 7-8 มี.ค. 2559 หรือกลางสัปดาห์ที่จะถึงนี้สภาพอากาศมีแนวโน้มที่เอื้อต่อการทำฝนเทียม ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือพร้อมที่จะปฏิบัติการทันทีหากสภาพอากาศเหมาะสม
นายรังสรรค์ บุศย์เมือง นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ กล่าวว่า ในส่วนความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือมีการเตรียมไว้ครบถ้วนทุกด้านแล้ว ทั้งบุคลากร อากาศยาน และสารฝนหลวง โดยมีการจัดเตรียมเครื่องบินแบบกาซ่าสำหรับโปรยสารฝนหลวง จำนวน 2 ลำ และเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 1 ลำ สำหรับสำรวจและดับไฟป่า ไว้พร้อมอยู่แล้วที่กองบิน 41 เชียงใหม่ เวลานี้เหลือแต่เพียงรอสภาพอากาศที่เหมาะสมเท่านั้น โดยตามแผนจะมุ่งเป้าไปทั้งในเรื่องของการบรรเทาและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่จะเน้นการเพิ่มความชุ่มชื้นในพื้นที่ป่าและอากาศเพื่อบรรเทาปัญหา รวมทั้งช่วยเหลือบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้กับพื้นที่เกษตร และเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อน