พระเมธีธรรมประนาท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร นำคณะลงดูกระบวนการปลุกเมล่อนในโรงเรือน ก่อนหาทางเปิดลานวัดสร้างโรงเรือนสอนศรัทธาปลูกสู้แล้ง
ทั้งร้อน ทั้งแล้ง ทำเกษตรกรชาวนา ชาวสวนแถบพิจิตร พิษณุโลก สวนมะม่วง มะยงชิด ผลผลิตวูบหาย อาจเหลือแค่ 10% ชาวนาบางรายหนีไปปลูกแตงโม เจอร้อนวิปริตเพลี้ยระบาด ผลเล็ก บิดเบี้ยวไม่ได้ราคาอีก ด้านพระดังเมืองชาละวัน เล็งตั้งโรงเรือนกลางวัดสอนคนปลูกเมล่อนสู้แล้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพระเมธีธรรมประนาท ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร นายอนันต์ ตั่นฉ้วน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร และคณะไปดูงานการปลูกเมล่อนในโรงเรือน ของนายธนนน ธีระวงศ์ไพศาลกุล อยู่บ้านเลขที่ 401/4 หมู่ 9 บ้านหนองจิกสี อ.บึงนาราง จ.พิจิตร ซึ่งสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงฤดูแล้งนี้
พระเมธีธรรมประนาท กล่าวว่า ภัยแล้งที่รุนแรงทำให้คนจน และชาวนาต่างเดือดร้อนเรื่องอาชีพ จึงอยากจะใช้วัดมาบแฟ่บ ต.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจรวมศรัทธาของชาวบ้านเป็นที่ทดสอบการเรียนรู้เรื่องการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย โดยเฉพาะเรื่องการปลูก “เมล่อน” ซึ่งใช้พื้นที่เพียง 72 ตารางเมตร ใช้เวลาประมาณ 90 วัน ก็คว้าเงินหมื่นใส่กระเป๋า ซึ่งดีกว่าทำนา 25 ไร่เสียอีก
โดยวัดจะเป็นผู้ลงทุนสร้างโรงเรือน และระบบการให้น้ำ การให้ปุ๋ย ฯลฯ จะเริ่มต้นจากพระเณรและผู้ที่ถือศีลที่วัดในวันพระให้ได้มาสัมผัส และเรียนรู้เรื่องการปลูกเมล่อน เชื่อว่า ถ้าศรัทธาได้รู้ ได้เข้าใจ ได้ทำกับมือ รวมถึงทำบัญชีรับ-จ่าย พอมีเงินจากการขายผลผลิต ทุกคนก็จะมีศรัทธา และหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทนการทำนา
สำหรับการปลูกเมล่อนในโรงเรือนของ นายธนนน เกษตรกรรุ่นใหม่ เป็นโรงเรือนขนาด 6x12 เมตร หรือ 72 ตารางเมตร ใช้ระบบน้ำหยด ปลูกเมล่อนได้ 316 ต้น คาดว่าจะได้ผลผลิต 270 ลูก แต่ละลูกมีน้ำหนักประมาณ 1.8-2.5 กก. ขณะนี้จำหน่ายอยู่ กก.ละ 90 บาท ใช้ระยะเวลาประมาณ 75-85 วัน ก็สามารถเก็บผลผลิตออกจำหน่ายได้ โดยในช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ มีผู้สั่งจองซื้อล่วงหน้าไปหมดแล้ว
ด้าน นายสายันต์ บุญยิ่ง เลขาธิการสมาคมชาวมะม่วงไทย-กรรมการกลุ่มพัฒนาไม้ผล ต.วังทับไทร อ.สากเหล็ก กล่าวว่าตำบลวังทับไทร และใกล้เคียงมีการปลูกไม้ผลมะม่วง มะปราง มะยงชิด บนพื้นที่กว่า 2 หมื่นไร่ ปกติก็จะได้ผลผลิต 1 ไร่ 1 ตัน แต่ภัยแล้งปีนี้ทำให้ได้ผลผลิตเพียง 10% เท่านั้น นับว่าเป็นช่วงที่ชาวสวนวิกฤตที่สุดในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ต.วังทับไทร ยังเป็นแหล่งรวบรวมผลไม้จาก อ.วังทอง อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก อ.วังโป่ง อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และผลไม้จากนครสวรรค์ กำแพงเพชร ก่อนส่งออกเวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป โดยทุกปีจะมีเงินเข้าพิจิตรไม่น้อยกว่า 600-700 ล้านบาท แต่ปีนี้น่าจะมีผลการประกอบการเพียงแค่ 100 กว่าล้านบาทเท่านั้น
ข่าวแจ้งว่า ขณะที่ชาวนา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่เปลี่ยนจากการทำนาหันมาปลูกแตงโม ขณะนี้ก็ต้องอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันทั่ว เมื่อผลผลิตไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ แตงโมผลเล็ก บิดเบี้ยว อากาศที่ร้อนจัดยังทำให้ใบไหม้แห้งเหี่ยว ซ้ำร้ายยังเจอโรคเพลี้ยระบาดหนัก ขณะที่น้ำหนักแตงโมปกติทั่วไป 1 ลูก ต้องหนัก 3-4 กิโลกรัม แต่ของตนหนักไม่ถึง 1 กิโลกรัม ทำให้ขายไม่ได้ราคา ต้องเหมาขายให้พ่อค้าลูกละ 5-10 บาท ส่วนแตงโมผลใหญ่สวยชั่งขายเป็นกิโลกรัมๆ ละ 15-18 บาท
ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ระบุว่า ช่วงนี้จะอากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวันโดยมีอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิสูงสุด 37-41 องศาเซลเซียส พร้อมเตือนเกษตรกร ว่า นอกจากต้องระวัง และป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือน โรงเก็บผลผลิตแล้ว ควรระวังการระบาดของศัตรูพืช จำพวกปากดูด เช่น เพลี้ย และไรต่างๆ ในไม้ผล และพืชผัก