นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางพารา ระยะที่ 1 เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ (1 ตุลาคม 62) จนถึง วันที่ 30 มีนาคม 63 รวมเวลา 6 เดือน โดยการจ่ายเงินส่วนต่างจากราคายางพาราที่เกษตรกรขายได้นั้น 2 เดือนจ่าย 1 ครั้ง ซึ่งงวดแรกระหว่างเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 62 จะจ่ายตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 62 เป็นต้นไปผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั้งนี้ประกันรายได้ของราคาขายยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม น้ำยางสด (DRC 100%) 57.00 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 23.00 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) คำนวณผลผลิต 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน ให้รายละไม่เกิน 25 ไร่ รวมพื้นที่ทั้งหมด 17,201,390.77 ไร่ สำหรับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนหรือแจ้งการปลูกกับ กยท. ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 62 ประกอบด้วยเกษตรกรที่ถือบัตรสีเขียวซึ่งพื้นที่มีเอกสารสิทธิ์และบัตรสีชมพูซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แบ่งเป็นเจ้าของสวน 1,412,017 รายและคนกรีด 299,235 ราย งบประมาณรวม 24,278,626, 534 ล้านบาท
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ในวันที่ 4 ตุลาคมนี้เพื่อพิจารณาโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางพาราตามที่ กยท. เสนอ จากนั้นจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยเร็วที่สุดเพื่อให้สามารถจ่ายเงินตามโครงการได้ตามเวลาที่กำหนด สำหรับงบประมาณนั้น ธ.ก.ส. สำรองจ่ายไปก่อนและให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณในปี 2564 ประกอบด้วย งบสำหรับการประกันรายได้ตามโครงการ งบชดเชยต้นทุนเงินต้น ธ.ก.ส. ค่าใช้จ่ายในการโอนให้เกษตรกร และค่าบริหารโครงการเหมาจ่าย 1% ของวงเงินชดเชยรายได้
สำหรับราคายางพาราขณะนี้ ทาง กยท.รายงานว่า จะทรงตัวอยู่สักระยะเนื่องจากวันนี้ (1 ตุลาคม) เป็นวันชาติของสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งกำหนดให้เป็นวันหยุดต่อเนื่องถึงวันที่ 7 ตุลาคม ส่งผลให้ราคายางในไทยทรงตัวตามไปด้วย โดยวันนี้ราคายางแผ่นดิบคุณภาพดีอยู่ที่ 38.77 บาท/กิโลกรัม หากเปรียบเทียบกับราคาประกันรายได้ เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่าง 21.23 บาท/กิโลกรัม น้ำยางสด (DRC 100%) 37.50 บาท/กิโลกรัม หากเปรียบเทียบกับราคาประกันรายได้ เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่าง 20.50 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) 16.70 บาท/กิโลกรัม หากเปรียบเทียบกับราคาประกันรายได้ เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่าง 6.30 บาท/กิโลกรัม
“โครงการประกันรายได้เป็นมาตรการระยะสั้นที่ต้องเร่งทำเนื่องจากชาวสวนยางเดือดร้อนจากราคายางที่ตกต่ำมากว่า 5 ปีซึ่งจะทำควบคู่กับมาตรการอื่นๆ ได้แก่ การเพิ่มการใช้ยางภายในประเทศ การลดพื้นที่ปลูกยาง รวมถึงการสร้างตลาดกลางยางพาราขึ้นในประเทศไทยเช่นเดียวกับตลาดกลางยางพาราในเซี่ยงไฮ้ของจีน ในสิงค์โปร์ และญี่ปุ่นเนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกยางพารารายใหญ่ที่สุดของโลก จึงควรกำหนดราคากลางตามกลไกตลาดที่แท้จริงได้เอง จะไม่ถูกบิดเบือนจากตลาดต่างประเทศ เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นเท่ากับราคาที่ประกันรายได้ไว้จะหยุดโครงการประกันรายได้ทันที มั่นใจว่า มาตรการต่างๆ ที่ทำควบคู่กันจะทำให้ราคายางพาราขยับตัวดีขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ” นายเฉลิมชัย กล่าว