นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และรองศาสตราจารย์ประยุทธ ศิริวงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือทางด้านสาธารณสุข ระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนบริการด้านสาธารณสุข และการจัดหาโลหิตให้เพียงพอต่อความต้องการในการรักษาพยาบาลผู้ป่วย
นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มีโรงพยาบาลวชิรพยาบาลเป็นโรงพยาบาลในสังกัดซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ระดับตติยภูมิ รับตรวจรักษาโรคทั่วไปและโรคที่สลับซับซ้อน และมีประชาชนมาใช้บริการในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีโลหิตไม่เพียงพอต่อความต้องการในการให้บริการผู้ป่วย และบ่อยครั้งที่ธนาคารเลือดไม่สามารถจัดหาโลหิตมาสำรองไว้ได้อย่างเพียงพอ ทำให้ต้องจัดหาโลหิตแก่ผู้ป่วยที่ต้องการโดยเร่งด่วน ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิต ร่างกายและอนามัยของผู้ป่วย โดยที่ผ่านมาสำนักงานศาลยุติธรรมได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล จัดโครงการบริจาคโลหิตมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม พนักงานราชการ และลูกจ้างในสังกัดสำนักงานศาลยุติธรรม มีจิตอาสา ทำความดีด้วยการบริจาคโลหิต ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการต่อชีวิตให้แก่เพื่อนมนุษย์ การบริจาคโลหิตเพียง 1 ครั้ง สามารถช่วยผู้ป่วยได้อย่างน้อยถึง 3 คน
สำนักงานศาลยุติธรรมเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ จึงได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช จัดทำบันทึกความร่วมมือด้านสาธารณสุขดังกล่าวขึ้น โดยกำหนดให้มีการรับบริจาคโลหิต ณ สำนักงานศาลยุติธรรม จำนวน 4 ครั้งต่อปี (3 เดือนต่อครั้ง) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนเนื่องจากเกิดการขาดแคลนโลหิตในการให้บริการผู้ป่วย จะขอความร่วมมือรับบริจาคโลหิตเป็นกรณีพิเศษเป็นครั้งๆ ไป โดยโครงการดังกล่าวนี้จะดำเนินการต่อเนื่องไปเป็นเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วันลงนามบันทึกความร่วมมือนี้
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสองหน่วยงานและประชาชนทั่วไป โดยที่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลจะส่งเสริมและสนับสนุนบริการด้านการสาธารณสุข และเป็นเครือข่ายด้านการแพทย์ให้แก่สำนักการแพทย์ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดของสำนักงานศาลยุติธรรม เพื่อให้การดำเนินการบริการทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการตรวจรักษาโรคที่สลับซับซ้อนหรือต้องการความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ต้องการเครื่องมือตรวจพิเศษหรือวิธีการรักษาที่สำนักการแพทย์ยังไม่มีหรือขาดทักษะและความชำนาญที่เกี่ยวข้องและการส่งต่อผู้ป่วยเพื่อประโยชน์ในการป้องกัน รักษา บำบัดและฟื้นฟูการเจ็บป่วยของข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมและประชาชนทั่วไป ในขณะที่สำนักงานศาลยุติธรรมก็จะช่วยสนับสนุนคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลในการเป็นสถานที่ฝึกปฏิบัติของบุคลากร นักศึกษา เพื่อเพิ่มพูนทักษะ ความรู้ความสามารถในการให้บริการหรือการผลิตบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลต่อไป