เมืองพัทยาจับมือกับตำรวจ-ทหาร-ขนส่งแก้ไขปัญหารถแท๊กซี่ที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว
นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ด้วยนายกรัฐมนตรีมีนโยบายและสั่งการมอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมแก้ไขปัญหารถยนต์รับจ้าง รถโดยสารสาธารณะที่บรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน 7 คนที่กระทำผิดกฎหมาย อันส่งผลกระทบต่อภาพลักลักษณ์ของการท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะในโซน 6 พื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ สมุย ภูเก็ต หาดใหญ่ และเมืองพัทยา
หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวต่อเนื่องจากการให้บริการที่ไม่เป็นธรรมในหลายกรณีโดยเฉพาะเรื่องการกดมิเตอร์เป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมากต่อผู้ที่ใช้บริการทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองพัทยา จึงอยากขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการรถแท๊กซี่ทั้ง 6 แห่ง ให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อการสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดีให้กับเมืองพัทยา ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีแท็กซี่ในเมืองพัทยาให้บริการกว่า 500 คัน ถือว่ามีเป็นจำนวนมาก และเป็นปัญหาที่ถูกผู้โดยสารร้องเรียนไปยังกรมการขนส่งทางบก
โดยปัญหาหลักพบว่า แท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร หรือเลือกผู้โดยสารในเส้นทางที่อยากจะไป รวมทั้งจงใจเลือกเฉพาะผู้โดยสารต่างชาติ ไม่กดมิเตอร์ให้กับลูกค้าที่เรียกใช้บริการ และมีการเรียกคิดราคาแบบเหมาจ่าย การคิดราคาเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด การไม่ไปส่งผู้โดยสารจนถึงปลายทางตามที่ตกลง ใช้กิริยาวาจาที่ไม่สุภาพ ใช้รถที่ไม่ได้รับอนุญาตในการบริการสาธารณะ ระเบียบการแต่งกายของพนักงานขับขี่ ความปลอดภัยขณะการให้บริการ รวมทั้งปัญหารถแท็กซี่ป้ายดำที่ตั้งโต๊ะเปิดบริการนักท่องเที่ยวริมถนนสาธารณะ และสถานประกอบการโรงแรม และปัญหารถแท็กซี่จากนอกพื้นที่ซึ่งมารอรับการให้บริการทับสัมปทานของผู้ประกอบการในพื้นที่ โดยไม่มีจุดพักหรือจุดจอดที่เป็นรูปธรรม ขับรถประมาทและหวาดเสียว
ซึ่งปัจจุบันมาตรการทางกฎหมายยังไม่มีการเปรียบเทียบปรับในอัตราขั้นสูงสุด แต่ใช้รูปแบบการลงโทษลักษณะเพิกถอนใบอนุญาต หรือพักใช้ใบอนุญาตหากมีการกระทำผิดซ้ำ ขณะที่หากเกิดปัญหาด้านอาชญากรรมเช่นการข่มขู่ ทำร้ายร่างกาย ลักทรัพย์เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ต้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย โดยจากนี้คณะทำงานจะมีการลงพื้นที่สำรวจเพื่อจัดการปัญหาอย่างจริงจังและหากผู้ปฏิบัติยังไม่สามารถแก้ไขได้ก็จะถือว่ามีความผิด พร้อมจะเสนอคำสั่งโยกย้ายผู้เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาดต่อไป