ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
สื่อสาร - คมนาคม ย้อนกลับ
“สภาดิจิทัลฯ”เร่งขับเคลื่อนภารกิจ เพิ่มขีดแข่งขันยกระดับ ศก.ดิจิทัล
17 ต.ค. 2562

ทั้งนี้ ภายหลังสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2562 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2562 ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ สภาดิจิทัลฯ กำลังขับเคลื่อนเพื่อเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลของประเทศ ทักษะด้านดิจิทัลของคนในชาติ เพื่อให้เกิดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

โดย ดร.วีระ วีระกุล ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ได้เปิดเผยว่า ​การพัฒนาด้านดิจิทัลถือเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะด้านและใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ใช้กำลังคนและเงินทุนมหาศาล โดยการขับเคลื่อนของสภาดิจิทัลฯ ต้องประกอบด้วยทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ผู้ใช้งานดิจิทัล รวมทั้งภาคสังคมที่ทุกกลุ่มต้องเล็งเห็นประโยชน์ของสภาดิจิทัลฯ ที่มีต่อการดำเนินชีวิตและธุรกิจ จึงต้องร่วมกันขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาด้านต่างๆ คำนึงถึงประโยชน์ของสังคมโดยรวมและประเทศชาติเป็นสำคัญ

“สภาดิจิทัลฯ ได้รับการโอนกิจการจากสมาคมสมาพันธ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแห่งประเทศไทย หรือ TFIT มีสมาชิกที่เป็นสมาคมด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล 22 สมาคม มีบุคคลและนิติบุคคลกว่า 4,000 ราย ครอบคลุมธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ อิเล็กทรอนิกส์และส่วนประกอบด้านซอฟต์แวร์ ด้านบริการดิจิทัล ด้านดิจิทัลคอนเทนต์ ด้านอุปกรณ์อัจฉริยะและด้านบริการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการสื่อสารในระบบดิจิทัล”

​                โดยบทบาทและหน้าที่ของสภาดิจิทัลฯ นอกจากเป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลในการเสนอความเห็น ประสานงาน และสนับสนุนการดำเนินงานด้านนโยบายระหว่างภาครัฐและเอกชน เกี่ยวกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถทั้งของบุคลากรและผู้ประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล รวมทั้งส่งเสริมและกำกับดูแลให้เกิดคุณภาพ มาตรฐาน และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล ตลอดจนส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สอดคล้องเป้าหมายการพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามบทบาทและหน้าที่ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หลัก 7 ข้อ คือ

1. เป็นตัวแทนของสมาชิกผู้ประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล ในการเสนอความเห็น ประสานงาน และ สนับสนุนการดำเนินงานด้านนโยบายระหว่างภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล 2. เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในเรื่องที่เกี่ยวกับกฎระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล 3. ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาขีดความสามารถของการประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

4. ส่งเสริมการพัฒนาทักษะของบุคลากรด้านดิจิทัลให้มีมาตรฐาน 5. ส่งเสริมและกำกับดูแลให้เกิดคุณภาพ มาตรฐาน และจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล รวมทั้งควบคุมดูแลให้สมาชิกปฏิบัติตามข้อบังคับของสภาและกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัล

6. ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และ 7. ดำเนินกิจการอื่นเพื่อการพัฒนาธุรกิจหรืออุตสาหกรรมดิจิทัลของประเทศไทยหรือตามที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

ผู้อำนวยการสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า “ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนั้น ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ประเทศเราก้าวทันชาติมหาอำนาจด้านดิจิทัลอย่าง จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นได้ ก็คือการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลให้กับคนในชาติ ทั้งการพัฒนาระบบการศึกษาเรียนรู้ และการเพิ่มทักษะใหม่ (Re-skilling) ให้กับประชาชนไทยทุกคน รวมทั้งการสร้างแบรนด์สินค้าดิจิทัลของไทยสู่การรับรู้ของผู้บริโภคทั่วโลก จำเป็นอย่างยิ่งที่สภาดิจิทัลฯ จะต้องได้รับการสนับสนุนและบริหารจัดการโดยองค์กรและบุคคลที่มีศักยภาพด้านดิจิทัลในระดับโลก รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจในระดับนานาชาติและสายสัมพันธ์อันดีกับชาติมหาอำนาจด้านดิจิทัลเหล่านั้น”

ดร.วีระ กล่าวสรุปว่า ยุทธศาสตร์สำคัญของการก้าวสู่ยุค 4.0 ผ่านสภาดิจิทัลฯ คือการมุ่งเน้นการร่วมพัฒนาและขับเคลื่อนเทคโนโลยีดิจิทัลในมิติต่างๆ ซึ่งการขับเคลื่อนของสภาดิจิทัลฯ ไม่ได้มีแต่ผู้ประกอบการด้านธุรกิจหรืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเปิดให้มีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้ามามีบทบาทในการวางยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาประเทศให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน โดยรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากด้านต่างๆ รวม 6 คน ได้แก่

1.รองศาสตราจารย์ ดร.เสรี วงษ์มณฑา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านนิเทศศาสตร์ 2.ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสังคม 3.นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายดิจิทัล 4.พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านธุรกิจการดูแลด้านสุขภาพ 5.นายรุจิระ บุนนาค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ และ 6.รองศาสตราจารย์ วิริยะ นามศิริพงศ์พันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านส่งเสริมสิทธิประชาชนอย่างทั่วถึง ซึ่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่าน ล้วนเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดในแวดวงแต่ละด้าน ที่จะทำให้เชื่อมั่นได้ว่า กระบวนการผลักดันยุทธศาสตร์ต่างๆ จะเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมต่อทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...