นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง แถลงยืนยันว่าบทลงโทษในร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้มุ่งที่จะจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน อย่างที่มีการสื่อสารกันในสังคมขณะนี้ โดยบทบลงโทษในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้แตกต่างไปจากที่เคยบัญญัติไว้ในพ.ร.บ.ว่าด้วยความเรียบร้อยในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ทั้งในเรื่อง การขัดขวางการปฏิบัติตงานของกกต.ที่ก็ยังคงกำหนด บทลงโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้บังคับบัญชาหรือนายจ้างขัดขวางไม่ให้ความสะดวกต่อการไปใช้สิทธิออกเสียงของผู้ใต้บังคับบัญชาหรตือลูกจ้าง ให้จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีการทำลายบัตรออกเสียงให้ระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีและปรับไม่เกินสองหมื่นบาท ถ้าเป็นเจ้าพนักงานหรือมีหน้าที่เกี่ยวกับการดำเนินการออกเสียงมีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี ปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
อย่างไรก็ตามมีบทโทษที่ร่างพ.ร.บ. การออกเสียงประชามติฯ กำหนดเพิ่มขึ้นใหม่ ที่เป็นการนำหลักการจากกฎหมายเลือกตั้งมาบัญญัติไว้ คือ การห้ามจำหน่ายจ่ายแจกสุรา การจัดยานพาหนะ การเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียงในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรืออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียงให้ถือว่า ผู้นั้นกระทำการก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินสองแสนบาท และการหากผู้กระทำผิดเป็นกกต. หรือเจ้าหน้าที่รัฐมีความผิดรุนแรงกว่าบุคคลทั่วไป 2-10 เท่า