นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ) ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 58 ถึงปัจจุบัน (22 มี.ค. 59) มีการใช้น้ำไปแล้วรวมทั้งสิ้น 2,369 ล้านลูกบาศก์เมตร คงเหลือน้ำใช้การได้เฉพาะการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ ไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2559 อีกประมาณ 2,564 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยมีการระบายน้ำจาก 4 เขื่อนหลักมาใช้รวมกันประมาณวันละ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อยมากและหลายฝ่ายมีความกังวลว่าปริมาณน้ำจะไม่เพียงพอใช้ก่อนฝนมา ได้แก่ เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ เขื่อนลำพระเพลิง จ.นครราชสีมา เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เขื่อนอุบลรัตน์
จ.ขอนแก่น เขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี และเขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา โดยทางกระทรวงเกษตรฯขอชี้แจงว่าปริมาณน้ำในเขื่อนดังกล่าว ทั้ง 10 แห่ง ได้มีแผนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศ เพียงพอไปจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้แน่นอน แต่ทุกภาคส่วนต้องร่วมแรงร่วมใจกันใช้น้ำอย่างประหยัดที่สุด เพื่อให้การใช้น้ำเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อปัญหาการขาดแคลนน้ำที่รุนแรงได้ในอนาคต
นอกจากนี้ปลัดกระทรวงเกษตรฯยังในส่วนของ ผลการจ้างแรงงานตามมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งทั่วประเทศ ล่าสุด(21 มี.ค. 59) กรมชลประทาน ได้ดำเนินการจ้างแรงงานไปแล้ว จำนวน 139,216 คน เป็นงบประมาณทั้งสิ้น 2,552.61 ล้านบาท จำแนกตามลุ่มน้ำได้ ดังนี้ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จำนวน 28,250 คน ลุ่มน้ำแม่กลอง 9,354 คน และลุ่มน้ำอื่นๆ 101,612 คน