ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น มีประชาชนจำนวนมากสนใจเข้าร่วมงาน โครงการบ้าน “ประชารัฐ” ผู้เข้าร่วมงานส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัท, ห้างร้าน, พ่อค้าแม่ค้า ต่างสนใจสอบถามข้อมูลการขอสินเชื่อบ้านที่พักอาศัย

          นายนราธิป สุทธิกลัด ผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธ.อ.ส. สาขา ถ.มิตรภาพ จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่าโครงการบ้าน “ประชารัฐ” เป็นผลสืบเนื่องจากคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการตามโครงการดังกล่าว โดยให้ ธ.อ.ส.เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ร่วมโครงการฯ วันนี้เป็นวันที่ 3 ของการจัดงาน ยังพบว่ามีผู้สนใจสอบถามข้อมูลและรายละเอียดต่างๆอย่างต่อเนื่องเพราะต้องการมีบ้านที่พักอาศัยเป็นของตนเอง โดยวงเงินสินเชื่อตามโครงการฯที่รัฐบาลกำหนดคือไม่เกินวงเงินกู้ 1,500,000 บาท ซึ่งผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการได้นั้นจะต้องไม่เคยมีบ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาก่อน
          “ในวงเงินสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการมีบ้านหลังแรกเป็นของตนเองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเอื้ออาทร บ้านมือสองและคอนโดมิเนียม ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่ธนาคารสามารถที่จะอนุมัติวงเงินได้ไม่เกินรายละ 1,500,000 บาท” นายนราธิป กล่าวและว่าการเลือกซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมในระยะนี้พบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุตั้งแต่ 25-35 ปี โดยเฉพาะพนักงานบริษัท หรือผู้ที่เพิ่งจะสำเร็จการศึกษาและมีงานทำหันมาให้ความสนใจที่จะมีที่พักอาศัยเป้นของตนเองเพิ่มมากขึ้นทำให้ ธ.อ.ส.ต้องเร่งให้บริการเชิงรุกและจับมือกับบริษัทต่างๆ เพื่อให้สวัสดิการกับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรได้มีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง โดยมี ธอส.เป็นพี่เลี้ยงและให้คำปรึกษาทางการเงินในขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมด
          สำหรับงบประมาณโดยรวมของโครงการดังกล่าว 20,000 ล้านบาท มั่นใจว่าธนาคารที่ร่วมโครงการจะอนุมัติสินเชื่อได้ครบตามวงเงินภายใน 3 เดือน ทั้งนี้ นอกจากคนในพื้นที่ที่สนใจเข้าร่วมโครงการบ้านประชารัฐแล้ว ยังพบว่าประชากรแฝงหรือคนต่างถิ่นที่เข้ามาทำงานในพื้นที่ขอนแก่นเองก็ให้ความสนใจอยากจะมีที่พักอาศัยและที่อยู่ของตนเองในพื้นที่ที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เพราะเมื่อเปรียบเทียบการจ่ายค่าเช่าที่พักกับการผ่อนชำระสินเชื่อบ้านที่พักอาศัยกับสถาบันการเงินแล้วอัตราการชำระค่างวดใกล้เคียงกัน
          อย่างไรก็ตาม ในปี 2558 ที่ผ่านมา ธ.อ.ส.ขอนแก่นได้อนุมัติสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ลูกค้าสูงถึง 3,300 ล้านบาท และในปี 2559 นี้ตั้งเป้าการอนุมัติสินเชื่อในกลุ่มที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นอีก 5% และเชื่อว่าโครงการบ้านประชารัฐจะช่วยให้การปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมายได้เร็วขึ้น