กฟผ. ร่วมกับภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วน จัดงาน “พลังงานสรรค์สร้างพลังแผ่นดิน เพื่อการฟื้นฟูโลก”เนื่องในวันดินโลก แสดงพลังแห่งความร่วมมือและแสดงเจตนารมณ์ในการน้อมนำและสืบสานศาสตร์พระราชาฯ เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงทางด้านน้ำ อาหาร และพลังงาน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็ง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนโลกต่อไป
นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า งาน “พลังงานสรรค์สร้างพลังแผ่นดิน เพื่อการฟื้นฟูโลก” นับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลายภาคส่วน ทั้งชุมชน หน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การขยายความร่วมมือในทุกภาคีเครือข่ายต่อไป โดยการน้อมนำศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย ซึ่งกระทรวงพลังงานในฐานะผู้รับผิดชอบด้านการจัดหาพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการ ได้มีนโนบาย Energy For All เพื่อมุ่งสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง และให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาพลังงานในพื้นที่และเป็นเจ้าของพลังงาน โดยบูรณาการแนวคิดเพื่อแก้ปัญหา พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน บริหารจัดการพื้นที่แบบโคก หนอง นา โมเดล เพื่อพัฒนาน้ำ อาหาร และพลังงาน ซึ่งเป็นปัจจัยจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์และเป็นการใช้พื้นที่ของชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ด้าน นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ. ให้ความสำคัญกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม
อย่างต่อเนื่องเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนทุกโครงการของ กฟผ. อาทิ โครงการชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โครงการปลูกป่า กฟผ. ได้น้อมนำศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9 และน้อมนำพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ในการ “สืบสาน รักษา ต่อยอด” พระราชกรณียกิจของพระบรมราชชนก มาเป็นแนวทางในการดำเนินงานให้เกิดการพัฒนาที่สมดุลทั้งด้านคน เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน
สำหรับการแสดงเจตนารมณ์ความร่วมมือการสืบสานศาสตร์พระราชาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงสู่เป้าหมาย
ความยั่งยืนโลก ระหว่าง กฟผ. กระทรวงพลังงานและอีก 5 หน่วยงาน ภายใต้กรอบระยะเวลา 3 ปี เป็นการแสดงถึงความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานหลายภาคส่วนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานที่มุ่งแก้ปัญหาใน 3 ประเด็นหลัก คือ น้ำ อาหาร และพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นคงตามเป้าหมายความยั่งยืนโลก (SDGs) โดยเปิดโอกาสให้ชุมชนท้องถิ่นและประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน และเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็งต่อไป
ทั้งนี้ กฟผ. มีแผนในการน้อมนำศาสตร์พระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมาพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำในบริเวณ “เขื่อน 7 พระนาม 3 โรงไฟฟ้า” ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรก, เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์, เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี, เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี, เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น, เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ, โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง, โรงไฟฟ้าวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงไฟฟ้าบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีพิธีมอบ “52,000 ฝายถวายพ่อ” ซึ่งดำเนินการโดยชาวแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดย กฟผ. มีส่วนสนับสนุนการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรผู้นำการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (นขพ.) ระดับผู้นำท้องถิ่น 7 ตำบล 104 หมู่บ้าน ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ จนเกิดการขับเคลื่อนงานในรูปแบบจิตอาสาภาคประชาชนที่ร่วมมือกันทำงานในพื้นที่และสร้างฝายภูมิปัญญาชาวบ้านได้มากกว่า 52,000 ฝาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลและรักษาพื้นที่ต้นน้ำ ป้องกันไม่ให้เกิดตะกอนดินตกลงไปในแหล่งน้ำและเกิดการทับถม จนก่อให้เกิดปัญหาในพื้นที่ปลายน้ำทำให้มีน้ำตื้นเขิน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ของเขื่อนต่อไป