นายสรรเสริญ สมะลาภา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ได้ให้การต้อนรับรองประธานเขตกว่างซีฯ (นายฉิน ลู่เพ่ย) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 เพื่อสานต่อผลจากการเยือนจีนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์) และได้มีการหยิบยกประเด็นความร่วมมือระหว่างไทยกับกว่างซีฯ 3 เรื่องสำคัญได้แก่
ความเป็นหุ้นส่วนเชื่อมโยงการค้าการลงทุน ซึ่งนายฉิน ลู่เพ่ยเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้กำหนดเส้นทางท่าเรือชินโจวให้เป็นข้อต่อยุทธศาสตร์เชื่อมการขนส่งสินค้าเข้าสู่จีนตะวันตก โดยมีเส้นทางรถไฟ จากชายฝั่งตะวันออกไปยังจีนตอนใน ซึ่งเส้นทางนี้ จะมีไทยเป็นส่วนหนึ่งของจิ๊กซอว์เชื่อมจีน-อาเซียน ทั้งทางบก-ผ่านด่านเมืองผิงเสียง และทางทะเล จากท่าเรือแหลมฉบังสู่ท่าเรือชินโจว การเชื่อมโยงนี้ จะทำให้เกิดความสะดวกในการขนส่งสินค้า และเกิดการร่วมลงทุนระหว่างกัน พร้อมกันนี้ ไทยได้ขอให้จีนช่วยดูแลและคุ้มครองนักธุรกิจไทยในกว่างซีฯ รวมทั้งส่งเสริมนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งจีนเน้นย้ำว่า ปัจจุบัน จีนมีการปรับปรุงนโยบายด้านการลงทุนให้สอดคล้องกับต่างประเทศและมีความต่อเนื่อง รัฐบาลกว่างซีฯ ยินดีให้การคุ้มครองนักลงทุนไทยและให้การสนับสนุนให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทยทั้งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ตามข้อเสนอของฝ่ายไทย
หนึ่งในความเป็นหุ้นส่วนเชื่อมโยงการค้า การลงทุน ที่สามารถดำเนินการได้ทันทีได้แก่ ความร่วมมือด้านสินค้าเกษตร ซึ่งไทยได้เสนอความร่วมมือในสินค้าผลไม้และรังนก โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีกำหนดจัดเทศกาลผลไม้ไทยทั่วจีน และใช้นครหนานหนิงเป็นเมืองตั้งต้นของการจัดงานในช่วงเดือนเมษายน 2563
ก่อนดำเนินการในเมืองต่างๆ อีก 9 เมือง หลังจากที่ได้เคยจัดงานไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคมที่นครหนานหนิง และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี ทั้งนี้ รัฐบาลกว่างซีแจ้งว่า ยินดีสนับสนุน และเข้าร่วมพิธีเปิดงานในวันที่ 25 เมษายน 2563 พร้อมช่วยประชาสัมพันธ์การจัดงานดังกล่าว อีกทั้ง ยินดีให้ไทยเข้าไปใช้สิทธิประโยชน์จากเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อดำเนินการแปรรูปสินค้าเกษตร โดยเฉพาะรังนกไทย “จากความต้องการน้ำตาลทั้งผู้บริโภคและผู้ที่ใช้น้ำตาลในอุตสาหกรรมอาหาร แต่ผลผลิตน้ำตาลของฟิลิปปินส์ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ และยังมีปัญหาภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำตาล ทำให้ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคนในประเทศได้ การนำเข้าจึงเป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหา โดยไทยเป็นประเทศที่ผลิตน้ำตาลได้เพียงพอและเหลือส่งออก จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะส่งออกน้ำตาลไปยังฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น”นายวรรณพงศ์กล่าว
สำหรับการเดินทางครั้งนี้ รองประธานเขตกว่างซีฯ ยังมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างความร่วมมือด้านการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศกับไทย ซึ่งรัฐบาลจีนได้กำหนดให้ปีหน้าเป็นปีเศรษฐกิจดิจิตอลจีน-อาเซียน และเห็นว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายทั้งสองด้านของจีน และยังได้ดำเนินโครงการ Topthai flagship store ซึ่งเป็นการนำสินค้าไทยพรีเมี่ยมไปจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ของจีน