นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ว่า นายณัฐวุฒิ อย่ากังกลกับเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเป็นสถาบันทางการเมือง ดังนั้นการลาออกของสมาชิกพรรคก็เป็นการตัดสินใจของแต่ละคน ที่พรรคให้ความเคารพในการตัดสินใจนั้น ซึ่งพรรคฯ ต้องเดินหน้าทำงานให้กับประชาชนและประเทศต่อไป
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคย้ำกับสมาชิกพรรคมาโดยตลอดว่าจุดมุ่งหมายที่สำคัญของพรรคคือตั้งใจทำงานให้กับประชาชนและประเทศ และขอยืนยันว่าพรรคเป็นเอกภาพและทุกคนเข้าใจตรงกันต่อเจตจำนงของหัวหน้าพรรค
ดังนั้นการที่นายณัฐวุฒิกล่าวหาว่าแนวทางการเมืองของพรรคผิดพลาดนั้นคงไม่ใช่ เพราะพรรคที่เดินการเมืองผิดพลาดคือพรรคที่คิดไม่ดี โกงชาติโกงแผ่นดิน จนหนีคดีกันหัวซุกหัวซุน และนายณัฐวุฒิก็คือตัวอย่างของซากปรักหักพังจากพรรคการเมืองดังกล่าว
สำหรับพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายชวน หลีกภัย ไม่เคยไปคบคิดกับอำนาจนอกระบบเพื่อเปิดทางให้เกิดการรัฐประหารแต่คนที่สร้างเงื่อนไข คนที่โกงกินประเทศ ใช้เสียงข้างมากข่มเหงเสียงข้างน้อย ไม่ยอมรับอำนาจตุลาการ คนที่เปิดทางให้รัฐประหารคือพรรคที่นายณัฐวุฒิเคยร่วมอาศัยชายคาอยู่ และนำมาใช้อ้างเสมอว่าพรรคนั้นประชาธิปไตยหรืออยู่ฝั่งประชาธิปไตย แต่ความจริงที่เลวร้ายคือเป็นพรรคที่ทำลายระบบประชาธิปไตยมากที่สุด
ดังนั้นอย่าได้เป็นห่วงพรรคประชาธิปัตย์เลย เพราะพรรคฯ อยู่มาตั้งแต่นายณัฐวุฒิยังไม่เกิด การขึ้นลงในทางการเมืองเป็นเรื่องปกติพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ซากปรักหักพังดังที่กล่าวหา นายณัฐวุฒิพูดจากประสบการณ์ที่ตัวเองนอนพูดท่ามกลางซากปรักหักพังในทางการเมือง พรรคแล้วพรรคเล่าพังไม่เป็นท่าคนพูดจึงเป็นเพียงเศษของซากปรักหักพังนั้น
นายณัฐวุฒิควรวางแผนชีวิตไว้บ้างทำตัวให้สบายเพราะการรับสารภาพในชั้นศาลฎีกาน่าตื่นเต้นอยู่พอสมควร นี่คือเคราะห์กรรมจากปางก่อนของจริง