เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้ดำเนินมาตรการป้องกันคุณภาพอากาศภายในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) และท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) และชุมชนใกล้เคียงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพและอนามัยของพนักงาน กทท. ผู้ใช้บริการ และชุมชนใกล้เคียง รวมทั้งรักษาสภาพแวดล้อม เพื่อให้สภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่เป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากกิจกรรมการดำเนินงานของ กทท.
กทท. กำหนดให้หน่วยงานที่ปฏิบัติงานบรรทุกขนถ่ายสินค้าภายในเขตพื้นที่ ทกท. หากมิได้ปฏิบัติงานบรรทุกขนถ่ายสินค้า ต้องดับเครื่องยนต์ ยานพาหนะ และเครื่องมือของ กทท. ในทุกกรณี รวมทั้งเข้มงวดการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องมือทุ่นแรงทุกประเภทให้เป็นไปตามรอบการซ่อมบำรุง เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษในอากาศ และแจกหน้ากากกันฝุ่นให้กับพนักงานทุกคนเพื่อสุขภาพที่ดี นอกจากนี้ กทท. ได้เฝ้าระวังแหล่งกำเนิด PM 2.5 โดยฉีดละอองน้ำเพื่อควบคุมและกำจัดไม่ให้ฝุ่นแพร่กระจาย จัดเจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อมออกตรวจวัดสภาพอากาศภายในพื้นที่ ทกท. เป็นประจำทุกวัน วันละสองครั้ง และได้ประสานกรมการขนส่งทางบกเพื่อจัดเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบควันดำรถบรรทุกที่เข้ามาขนถ่ายสินค้าในเขต ทกท. สำหรับ ทลฉ. ได้จัดรถดับเพลิงฉีดละอองน้ำเป็นแนวนอนและแนวเฉียง เพื่อควบคุมฝุ่นละอองที่เกิดจากยานพาหนะที่อยู่ในพื้นที่กำเนิดฝุ่น ซึ่งสามารถควบคุมสภาพอากาศให้อยู่ในสภาวะปกติ รวมทั้งขอความร่วมมือบริษัทผู้ประกอบการที่ควบคุมรถบรรทุกสินค้าและเครื่องมือทุ่นแรงไม่ให้ปล่อยมลพิษ ทั้งนี้ สมาคมขนส่งจังหวัดชลบุรีได้ให้ความร่วมมือควบคุมรถบรรทุกขณะขนถ่ายสินค้าให้อยู่ในสภาพที่ไม่ก่อมลพิษทางอากาศ และประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ให้ช่วยกวดขันการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ของรถบรรทุกและยานพาหนะต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ปล่อยควันดำ
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินมาตรการเฝ้าระวังปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อย่างต่อเนื่องมีผลเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากผลการตรวจวัดค่า PM 2.5 ในเขตพื้นที่ของ กทท. และบริเวณใกล้เคียงมีค่าต่ำกว่าเกณฑ์โดยตลอด