นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ได้มอบนโยบายให้กับกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ในเรื่องของงบประมาณปี 2563 ให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ และต้องทำ Action Plan ให้ใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ โครงการพัฒนาสนามบินเบตง จ.ยะลา จะต้องสร้างให้เสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ รวมทั้งต้องสรุปความพร้อมโครงการสนามบินนครปฐมกับสนามบินพัทลุงด้วยว่ามีความพร้อมที่จะก่อสร้างหรือไม่
S
นายถาวร ยังกล่าวด้วยว่า ต้องการรพัฒนาสนามบินให้มีความทันสมัย หรือที่เรียกว่า สมาร์ต แอร์พอร์ต (Smart Airport) ซึ่งปัจจุบัน ทย.มีอยู่ 29 สนามบิน ต้องทำให้เชื่อมไทยเชื่อมโลก แต่เบื้องต้นให้เชื่อมกับประเทศใกล้เคียงในแถบ CLMV (กัมพูชา-ลาว-เมียนมาร์-เวียดนาม) ก่อน
“ในการทำสนามบินให้เป็น Smart Airport ได้สั่งการไปว่า อย่างน้อยต้องนำร่องให้ได้ 1 สนามบินก่อน ซึ่ง ทย.รายงานว่าสนามบินที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาได้คือ สนามบินกระบี่ ซึ่งปัจจุบันมีศักยภาพรองรับนักท่องเที่ยวได้ 4 ล้านคน/ปี แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศ 2 ล้านคน/ปี นักท่องเที่ยวภายในประเทศ 1 ล้านคน/ปี และผู้โดยสารทั่วไป 1 ล้านคน/ปี และจากการให้คะแนนของหน่วยงานต่างๆ พบว่า สนามกระบี่เริ่มมีคะแนนที่ไล่กับสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว จึงเห็นว่าสามารถทำให้ได้มาตรฐานได้” นายถาวร กล่าว
นอกจากนี้ ทย. จะต้องบริหารจัดการสินทรัพย์และที่ดินที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ต้องหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ ที่ดินที่ได้รับมอบจากกรมธนารักษ์ต้องนำมาใช้ประโยชน์ รวมถึงจะต้องทำสนามบินให้เป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งสนามบินบางแห่งมีคาร์โกอยู่แล้ว เช่นที่ สนามบินกระบี่ และสนามบินอุดรธานี ให้ไปสำรวจว่า มีพื้นที่ใดที่มีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ผลิตเป็นจำนวนมากพอที่พร้อมจะส่งออก เช่น ผลไม้ตามฤดูกาล ก็ต้องมีที่เก็บ ซึ่งมีกฎหมายของกรมธนารักษ์ที่ต้องปฏิบติตามอยู่แล้ว
นายถาวร ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากนี้ จะให้ทย.ไปดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ว่าเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการพัฒนาเชิงพาณิชย์มีหลายรูปแบบ ทั้งทำโรงแรม, Co-Working Space หรือใช้พื้นที่ภายในสนามบินทำร้านค้า อาคารจอดรถเก็บค่าบริการ หรือแม้แต่ร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free) เป็นต้น และต้องศึกษาทุกสนามบิน เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีความเหมาะสมแตกต่างกัน บางที่ก็อาจจะทำไม่ได้ แต่มองว่าที่ที่มีศักยภาพ เช่น สนามบินกระบี่ สนามบินอุดรธานี