ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ย้อนกลับ
มังกรเป็นไข้ (อู่ฮั่น) จาม-ไอ กันทั้งโลก
18 ก.พ. 2563

คอลัมน์  โลกของจีน : โดย ชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ

มังกรเป็นไข้ (อู่ฮั่น)

จาม-ไอ กันทั้งโลก

หลังจากเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของสาธารณรัฐประชาชนจีนไปอย่างยิ่งใหญ่ช่วงปลายปี 2019 แล้ว หลายคนตั้งตารอดูเทศกาลตรุษจีน 2020 ช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่า จีนน่าจะจัดหนักจัดเต็มให้สมกับปีเป้าหมายที่ตั้งไว้นานแล้วว่า “ปี 2020 จีนจะเลิกจน”

          แต่นอกจากจะไม่มีเสียงประทัดและปี่กลองที่สร้างความสนุกสนานแล้ว ชาวจีนทั้งประเทศยังจมอยู่กับความตื่นกลัว “โรคปอดอักเสบรุนแรงที่มาจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019” ที่แพร่ระบาดจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย กระจายไปทั่วแผ่นดินมังกรและนานาประเทศอีกเกือบ 30 ประเทศ จนมีผู้ติดเชื้อทะลุ 20,000 คน และผู้เสียชีวิตเกือบ 500 คน (ข้อมูล ณ 5 ก.พ. 2563) ซึ่งแนมโน้มยังจะขยายตัวต่อไปเรื่อยๆ เพราะเชื้อไวรัสสายพันธุ์นี้สามารถแพร่จากคนสู่คนตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันหรือรักษา

          ตั้งแต่ก่อนตรุษจีน โลกได้เห็นความเด็ดขาดฉับไวของรัฐบาลจีนที่ใช้มาตรการเข้มข้นในการพยายามสกัดยับยั้งการแพร่ระบาดโดยการสั่งปิดล้อมเมืองอู่ฮั่น และอีกนับ 10 เมืองที่เกิดการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ยังระดมสรรพกำลังและงบประมาณมหาศาลเพื่อต่อสู้กับโรคร้าย มีการสั่งสร้างโรงพยาบาลขนาดกว่า 1,000 เตียง 2 แห่ง เพื่อรองรับคนป่วย มีการระดมแพทย์และพยาบาลนับพันคนส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในเขตควบคุมโรค

แต่ก็ดูเหมือนจะยังไม่ทันท่วงที เพราะช่วงจังหวะนั้น คนจีนหลายสิบล้านคนได้ออกเดินทางเพื่อกลับบ้านเกิดหรือไปเยี่ยมญาติพี่น้อง ออกเที่ยวในประเทศและอีกจำนวนไม่น้อยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ

แรกๆ นั้น ทั่วโลกเฝ้ามองจีนด้วยความคาดหวังว่า จะควบคุมโรคให้อยู่ในวงจำกัดได้ด้วยสไตล์ของรัฐบาลจีนที่รวดเร็ว ฉับไว ทำจริง เด็ดขาด แม้แต่ผู้บริหารองค์การอนามัยโลกยังบอกว่าจีนน่าจะเอาอยู่ แต่ครั้นยอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ววันละ 2-3 พันราย แถมยอดผู้เสียชีวิตก็เพิ่มเป็นวันละ 40-50 คน องค์การอนามัยโลกยังต้องประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลให้หลายประเทศประกาศงดรับคนที่เดินทางไปจากประเทศจีน เพราะกลัวจะเอาเชื้อไปแพร่ระบาดในประเทศเขา

ประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายของนักท่องเที่ยวจีนนั้น ตอนแรกตรวจพบนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยเป็นผู้ติดเชื้อ 4-5 ราย ก็ยังไม่เท่าไร เพราะทั้งหมอหนู –นายอนุทิน ชาญวีรกูร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขยันออกข่าวทุกวันว่า มีระบบคัดกรองที่ดี นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศให้ความเชื่อมั่นกับประชาชนว่า “เอาอยู่ 100%” แต่หลังจากนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อในไทยที่ตรวจพบก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวชาวจีนแล้ว โชว์เฟอร์แท็กซี่ที่เป็นคนไทย และไม่เคยไปจีนยังติดเชื้อไวรัสโคโรนามาด้วย

          ไทยเรายามนี้เข้าตำราผีซ้ำดั้มพลอย นอกจากจะเจอปัญหาการส่งออก เจอผลกระทบสงครามการค้าจีน-อเมริกา  เจอภัยแล้งในรอบหลายปี เจอปัญหางบประมาณแผ่นดินสะดุด เจอฝุ่น PM 2.5 พอขึ้นศักราชใหม่ ไหว้พระขอพรไปได้ไม่กี่วันกลับต้องมาเจอปัญหาไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งมาเร็วมาแรงแบบไม่ทันตั้งตัว แถมยังทำท่าจะยาวนานเป็นปัญหาใหญ่กระทบเศรษฐกิจไทยอย่างหนีไม่พ้น เพราะเศรษฐกิจไทยฝากผีฝากไข้ไว้กับนักท่องเที่ยวจีนปีละ 10 ล้านคน เทียบเท่า 1 ใน 5 ของGDP

           ปี 2562 ยอดนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยประมาณ 11.1 ล้านคน ทำเงิน 5.5-5.6 แสนล้านบาท ปี 2563 คาดว่าจะขยับเพิ่มเล็กน้อยเป็น 11.3 ล้านคน แถมบางคนยังฝันไกลถึงปี 2030 ว่า นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยจะเพิ่มเป็น 23 ล้านคน

          แต่หลังตรุษจีนแล้วนักท่องเที่ยวจีนเริ่มหดหาย เพราะคำสั่งรัฐบาลจีนนอกจากสั่งหยุดแหล่งบันเทิงต่างๆ แล้ว ยังสั่งหยุดเที่ยวหยุดทัวร์ ผลที่ตามมาวันนี้และวันหน้าคือ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่พึ่งพาตลาดจีนคงเดี้ยงยาว 3-6 เดือน นั่นคือจนกว่าไวรัสอู่ฮั่นจะหยุดระบาด และรัฐบาลจีนมั่นใจว่า สามารถปล่อยคนจีนออกท่องโลกได้อีกครั้งโดยไม่แพร่เชื้อแก่ชาวโลก

จงกั๋วเจียโหย่ว ไท่กั๋วเจียโหย่ว จีนสู้ๆ ไทยสู้โว้ย ....

        

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...