ปรากฏการณ์เสียงบ่นอื้ออึ้งวิจารณ์กันแซดจากข้าราชการกรมการจัดงาน กระทรวงแรงงาน ว่า “แบบนี้ก็ได้เหรอ.?” เมื่อมีการล็อคสเปกเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งของข้าราชการรระดับผู้อำนวยการสูง ไปจนถึงผู้บริหารต้น กลาง ว่าเป็นการแต่งตั้งอย่างไม่เป็นธรรม เอาคนที่มีอาวุโสน้อยไปนั่งครองตำแหน่งที่จะเปิดรับและเปิดสอบ ปราฏกว่าคนนั่งครองได้แต่งตั้งกันครบทุกคน จึงมีคำถามดังๆ จากข้าราชการในกรมการจัดหางานว่า “จะเปิดรับสมัครสอบไปเพื่ออะไร.?”
ที่น่าสงสัยเข้าไปอีกคือการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นการนั่งจิ้มโดยคน ๆ เดียว นั่นคือท่านอธิบดีกรมการจัดหางาน ไม่มีรองอธิบดีหรือคณะกรรมการท่านใดเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พอมีข้าราชการที่ถูกข้ามหัวข้ามหู ออกมาโวยวาย กลับได้รับคำตอบจากท่านอธิบดีว่า “ไม่ทราบเรื่องและไม่รู้เรื่องการพิจาณาคัดเลือก ที่แต่งตั้งก็เป็นไปตามที่รองอธิบดีเสนอมา” แต่พอมีข้าราชการไปถามรองอธิบดีที่ถูกอ้างถึง คำตอบคือ “บ่รู้บ่เห็น ที่ผ่านมาไม่ได้มีส่วนในการพิจารณาเลย ท่านอธิบดีทำคนเดียว ไม่นับรวมกับที่ท่านเที่ยวจูงมือผอ.กอง ไปฝากฝังผู้ใหญ่กระทรวงแรงงานขอให้ขยับขึ้นมานั่งเก้าอี้รองอธิบดีกรมการจัดหางาน ถ้าเป็นจริงก็เท่ากับทำลายระบบ ทำลายวัฒนธรรมการแต่งตั้งโยกย้ายที่เคยปฏิบัติมาจนสิ้น ไม่อยากบอกเลยว่าเขาลือกันถึงผอ.กองฯ ท่านนี้อย่างไร.? โดยเฉพาะคนที่ระยอง กับเชียงใหม่
ทำให้นึกถึงกรณีเหตุร้ายที่โคราช ก็สืบเนื่องมาจากนายทหารชั้นผู้น้อยไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชา และเก็บกดจนกลายมาเป็นสลด
เรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นที่กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงานมาแล้ว ถ้าลองมองย้อนกลับไปเมื่อราวปี 2546 ที่เคยมีข่าวข้าราชการกรมการจัดหางานกระโดดจากชั้นดาดฟ้า ชั้น 15 ตึกกระทรวงแรงงาน เป็นการฆ่าตัวตายเพื่อประจานความอยุติธรรมในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสังกัดของผุ้บิหารกรมการจัดหางานยุคนั้น
ขอภาวนาอย่าให้มีเหตุการณ์ทั้งสองแบบนี้ก็ขึ้นอีก
คราวนี้มาดูผลงานกันบ้าง เมื่อครม.มีมติให้ต่ออายุวีซ่าและบัตรอนุญาต ด้วยการเปิดศูนย์บริการแบบ One Stop Service ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2562 – 31 มีนาคม 2563 ถ้านับจนถึงวันนี้ก็ปาเข้าไป 2 เดือน แต่มียอดแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่มีอายุการอยู่ทำงานครบกำหนด กว่า 1 ล้านคน แต่ตัวเลขตั้งแต่เปิดศูนย์บริการมา 2 เดือน มีแรงงานต่างด้าวมาเข้าระบบตามขั้นตอนไม่ถึงครึ่ง
คำถามคือ..แรงงานต่างด้าวที่เหลือหายไปไหน
แต่ที่จับกระแสได้คือ แรงงานและนายจ้างส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่าจะต้องนำคนงานมาต่ออายุวีซ่า และต่อใบอนุญาตทำงานตามศูนย์บริการที่กำหนด และมีขั้นตอนปฏิบัติอย่างไร.? นั่นมีผลมาจากกรมการจัดหางานไม่มีการตีฆ้องร้องป่าว ประกาศให้นายจ้างต้องมาดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
สิ่งที่ควรทำไม่ทำ กลับทำในสิ่งที่ยุ่งยากและเป็นช่องทางให้สถานพยาบาลฉกฉวยโอกาส คือการออกประกาศกรมการจัดหางาน เรื่องรายชื่อสถานพยาบาลเอกชน ที่ให้บริการตรวจสุขภาพคนงานต่างด้าวเพื่อใช้สำหรับต่ออายุใบอนุญาตทำงาน ผลคือ ทำให้สถานพยาบาลที่มีชื่อในประกาศพาเหรดกันขยับราคาค่าตรวจสุขภาพ จาก 500 บาท พุ่งพรวดเป็นราคา 2,000 บาท ทั้ง ๆ ที่ตามระเบียบเดิมก่อนมีประกาศฉบับนี้ออกมา อนุญาตให้คนงานต่างด้าวสามารถตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลเอกชนใดก็ได้สำหรับลูกจ้างที่มีสิทธิจากประกันสังคม
อดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าจะมีชื่อเป็นสถานพยาบาลในประกาศฉบับนี้ต้องมีตั๋วหรือเปล่า ก็แค่สงสัยนะอาจไม่เป็นอย่างที่แอบคิดก็ได้ เพราะข้าราชการในกรมการจัดหางานทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ท่านเป็นคนธรรมธรรมโม ชอบทำบุญไหว้พระ ไม่น่าจะทำอะไรที่ผิดศีลธรรม”
จากปัญหาการออกประกาศกรมการจัดหางาน สร้างความสับสน วุ่นวาย และสร้างความเสียหายให้แก่นายจ้างไม่น้อย ที่พาแรงงานต่างด้าวไปตรวจสุขภาพตามระเบียบเดิมที่เคยปฏิบัติ แต่มายื่นกลับถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ และสั่งให้ไปตรวจใหม่ตามสถานพยาบาลที่มีชื่อในประกาศเท่านั้น นี่ไม่นับรวมระเบียบปฏิบัติที่สะเปะสะปะหาความชัดเจนไม่ได้ เลยใช้คำว่าขึ้นกับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ที่พูดมาก็เพราะว่ารักนะ ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้น ถ้าท่านอธิบดีจะใจกว้างเปิดรับและปรับปรุงให้ดีขึ้น