กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ประชุมคณะทำงานติดตามความก้าวหน้าปฏิบัติการแก้แล้ง สั่งย้ำหน่วยงานที่ได้รับงบประมาณแล้วเร่งดำเนินการทันที ขณะที่มาตรการชะลอความเค็มเจ้าพระยาตอนล่างประสบความสำเร็จ แต่ยังต้องเฝ้าระวังอีกครั้ง 9-11 มี.ค. นี้ พร้อมเร่งรัดพิจารณาวางแผนส่งน้ำฤดูฝนปี 63
ดร. สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามความก้าวหน้าการปฏิบัติงานเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ตามข้อสั่งการของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการ กอนช. ที่ได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานร่วมกันหาแนวทางช่วยเหลือประชาชน และดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ในการเร่งแก้ไข บรรเทาความเดือดร้อนและควบคุมสถานการณ์ปัญหาน้ำแล้งอย่างเร่งด่วน โดยโครงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง ปี 2562/63 แบ่งออกเป็น โครงการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ไปพลางก่อน งบกลาง จำนวน 2,041 โครงการ และโครงการใช้งบประมาณของหน่วยงาน จำนวน 1,337 โครงการ ประเภทของโครงการ อาทิ ขุดเจาะบ่อบาดาล จัดหาแหล่งน้ำผิวดิน ซ่อมแซมระบบประปา วางท่อน้ำดิบ สถานีสูบน้ำ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบที่ได้รับงบประมาณแล้ว เร่งดำเนินการตามแผนปฏิบัติงานและแผนงบประมาณโดยเร็ว พร้อมรายงานความก้าวหน้าให้ กอนช. ทราบทุกสัปดาห์ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาภัยแล้งได้ทันท่วงที
นอกจากนี้ที่ประชุมได้ร่วมติดตามผลการดำเนินงานตามมาตรการยับยั้งหรือชะลอความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกอนช. ได้สั่งการให้กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการประปานครหลวง บริหารจัดการผันน้ำจากลุ่มน้ำแม่กลอง ผ่านแม่น้ำท่าจีนลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยได้เพิ่มอัตราการผันน้ำจากประมาณ 30 ลบ.ม./วินาที เป็น 60 ลบ.ม./วินาที ซึ่งทำให้สามารถลดการระบายน้ำจากตอนบนมายังเขื่อนเจ้าพระยาได้แม้ระยะที่ผ่านมานี้ในบางช่วงเวลาจะมีลิ่มความเค็มสูงเกินมาตรฐาน แต่กรมชลประทานและการประปานครหลวงก็ได้เร่งแก้ไขโดยการลดปริมาณการสูบน้ำลง พร้อมใช้น้ำจืดที่มีอยู่ผสมเพื่อช่วยเจือจางความกร่อยให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสำหรับให้น้ำประปาสามารถใช้ในการอุปโภคบริโภคได้ อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้อาจมีลิ่มความเค็มเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยมีสาเหตุจากน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ปฏิบัติการอย่างเต็มที่ในการดึงน้ำมาเพิ่มมากขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์
นอกจากนี้ ยังได้รับรายงานว่าจะมีช่วงที่ต้องเฝ้าระวังความเค็มอีกครั้งคือระหว่างวันที่ 9-11 มี.ค. 63 ซึ่งจะมีการวางแผนรับมือสถานการณ์ร่วมกันต่อไป