ดร.ศุภลักษณ์ พาฬอนุรักษ์ โฆษกกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีก้อนน้ำมันดิน (Tarball) เกิดขึ้นบริเวณชายหาดหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมานั้น ทางกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ได้ตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทผู้รับสัมปทานทุกรายที่มีการดำเนินงาน ในอ่าวไทยพบว่าไม่มีการรั่วไหลของน้ำมันดิบจากแท่นผลิตแต่อย่างใด
ขณะนี้ ทางพลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันดิน เพื่อส่งไปวิเคราะห์ยังห้องปฏิบัติการ เพื่อหาที่มาที่แน่ชัดของก้อนน้ำมันดินดังกล่าว ตามกระบวนการที่ได้มีการลนาม MOU เรื่อง การพัฒนาฐานข้อมูลลายนิ้วมือน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ภายใต้หน่วยงานรับผิดชอบ 10 หน่วยงาน ได้แก่
1. กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
2. กรมควบคุมมลพิษ
3. กรมเจ้าท่า
4. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
5. กรมศุลกากร
6. ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ในส่วนกองทัพเรือ
7. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี
8. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
9. สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน)
10. สมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน
ที่ได้มีการลงนามเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา เพื่อจัดทำฐานข้อมูลลายนิ้วมือน้ำมันดิบ และเพื่อบ่งชี้แหล่งที่มาของ ก้อนน้ำมันดิน และจากการทำ MOU หากมีก้อนน้ำมันดินเกิดขึ้น หน่วยงานท้องถิ่นจะเป็นผู้เก็บตัวอย่างและส่งให้กรมควบคุมมลพิษ เพื่อส่งตัวอย่างต่อให้วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
เป็นผู้วิเคราะห์ต่อไป
อย่างไรก็ตาม สำหรับปรากฏการณ์ก้อนน้ำมันดินนั้น จะเกิดขึ้นแทบทุกปีในช่วงหน้ามรสุม (เดือนพฤศจิกายน – กุมภาพันธ์) ซึ่งจากการเก็บตัวอย่างมาตรวจวิเคราะห์เปรียบเทียบกับตัวอย่างน้ำมันดิบ จากแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยที่ผ่านมา ยังไม่เคยพบว่า ตัวอย่างก้อนน้ำมันดินเป็นชนิดเดียวกันกับตัวอย่างน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในอ่าวไทย
โฆษกกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวยืนยันว่า ในส่วนการกำกับดูแลด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในกิจการการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ มีนโยบายและมาตรการในการป้องกันปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทุกพื้นที่อย่างเข้มงวดตลอดมา โดยกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการปิโตรเลียมจะต้องดำเนินการในด้านการป้องกันและบำบัดความเสียหาย ต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสากลและตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 เพื่อให้การดำเนินกิจการปิโตรเลียมสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนได้อย่างยั่งยืน