หากจะมองหาผู้เชี่ยวชาญชำนาญการหรือกูรูในการฟื้นฟูองค์กรที่กำลังประสบปัญหา โดยเฉพาะด้านการบริหารทรัพย์สินและเงินทุนแล้ว คงหาไม่ได้ง่ายนักในประเทศไทย เพราะโลกธุรกิจมีความซับซ้อนเกี่ยวพันกับเรื่องต่างๆ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพราะหากสอดส่องดูให้ดีแล้ว จะพบชื่อหนึ่งที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ทั้งก่อนหน้านี้และในปัจจุบัน และบุคคลที่ว่านี้ก็คือ “วิทัย รัตนากร”เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ที่มีสินทรัพย์ร่วม 9 แสนล้านบาท กับสมาชิกกว่า 1 ล้านคน
สำหรับความเชี่ยวชาญในการฟื้นฟูองค์กรของคุณวิททัย รัตนากร อาจกล่าวได้ว่า มีปัจจัยบวกมาตั้งแต่เยาว์วัยโดยเป็นลูกชายของ ศิริลักษณ์ รัตนากร ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ หญิงคนแรก กับ โสภณ รัตนากร อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตประธานศาลฎีกาคนที่ 26
โดยขณะที่กำลังศึกษาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคุณแม่เป็นผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงเป็นโอกาสให้คุณวิทัย ได้ฝึกงานที่บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง จึงได้เรียนรู้ด้านการลงทุน งานวิจัย-วิเคราะห์หลักทรัพย์ และการเล่นหุ้น จนกระทั่งปี 2535 จึงได้เข้าทำงานที่ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทรธนกิจ
คุณวิทัย เคยผ่านงานธนาคารกรุงเทพในหน่วยงานที่เกี่ยวกับการแก้หนี้ การปล่อยสินเชื่อ แล้วก็เข้ามาอยู่ กบข. ระยะหนึ่ง (ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในปี 2561 ในตำแหน่งเลขาธิการ) จากนั้นก็ไปกู้วิกฤตสายการบินนกแอร์อยู่ 3 ปี จนมีกำไร จากนั้นได้รับการชักชวนจากคุณชาติชาย พยุหนาวิชัยผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เข้ามาช่วยงานในตำแหน่งรองผู้อำนวยการ
หลังจากนั้นก็ถูกยืมตัวไปช่วยฟื้นฟูธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือ ไอแบงก์ ที่ขาดทุนต่อเนื่องมา 5 ปี โดยบริหารอยู่ 6 เดือน ก็ทำกำไรได้ หลังจากนั้นก็กลับมาทำงานที่ธนาคารออมสินต่อ ขณะที่ได้สมัครเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ กบข.เอาไว้ด้วย จนได้รับแต่งตั้งในที่สุดเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561
คุณวิทัย เล่าให้ อปท.นิวส์ ฟังว่า หลักๆในการทำงานที่ กบข.ในช่วง 2 ปีแรกนั้น ได้ปรับองค์กรค่อนข้างมาก เพราะที่ผ่านมาการบริการของ กบข.ยังไม่มีบริการอะไรมากนัก หรือแม้แต่การดำเนินการต่างๆก็ทำกันในรูปแบบเดิมๆ สำหรับสมาชิกขององค์กรก็จะเป็นข้าราชการ คือใครเข้ารับราชการก็ต้องเป็นสมาชิก กบข. องค์กร กบข.จึงเป็นองค์กรที่สบายๆ ไม่ต้องแข่งขัน ไม่ต้องมีแรงกดดันเหมือนอย่างกับองค์กรอื่นๆมากนัก
อย่างไรก็ตาม คุณวิทัย กล่าวว่า การบริการของ กบข.ต้องดีต้องมีความประทับใจ ดังนั้นพอคุณวิทัยเข้ามาทำในส่วนตรงนี้จึงต้องมีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากเห็นว่าแม้จะไม่มีแรงกดดันก็ตาม แต่ถ้าไม่เปลี่ยนการให้บริการ ถ้าไม่ทำให้สมาชิกมีความรู้สึกว่าสะดวกสบาย มีความพอใจ มีความผูกพันในการเป็นสมาชิก กบข.แล้วนั้นก็ไม่สามารถทำให้องค์กรของเราแข็งแรงอย่างยั่งยืนได้
โดยได้เปลี่ยนรูปแบบของการให้บริการที่จากเดิมจะทำเป็นรูปแบบของกระดาษส่งเข้ามาก็เปลี่ยนมาเน้นในเรื่องของโมบายแอปพลิเคชั่นเป็นหลัก ดังนั้นการให้บริการต่างๆของ กบข.ก็ถูกเปลี่ยนหมดและเริ่มใช้ตัวดาต้าเข้ามาจับในเรื่องของการวิเคราะห์ในการออกแคมเปญต่างๆ ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่เวลาจะออกแคมเปญอะไรก็ตามจะหว่านกับคนทุกคน แต่ขณะนี้เราจะไม่ทำแบบนั้น จะไม่ไปหว่านกับทุกคน แต่จะใช้ฐานข้อมูลของกลุ่มสมาชิกวิเคราะห์ว่าแต่ละกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างไรและเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการออมเพิ่ม กลุ่มที่ต้องการเปลี่ยนแผนการออม หรือกลุ่มที่ต้องได้รับการแก้ไขในเรื่องของการเงิน เป็นต้น
คุณวิทัย ยืนยันว่าการให้บริการของ กบข.ในช่วงที่เขาเข้ามาทำงานนั้นดีขึ้นมาก รวมถึงเรื่องของการใช้สวัสดิการผ่านโมบายแอปพลิเคชั่นก็เพิ่มขึ้นด้วย จึงถือได้ว่าทิศทางการทำงานนั้นมาถูกทาง ดังนั้นในปีนี้จะมีการดำเนินการในเรื่องของการทำให้ กบข.เป็นองค์กรที่มีความยั่งยืน ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทรนของทั่วโลกในขณะนี้ โดยจะดำเนินการส่งเสริมการออมที่ต้องมั่นใจว่าพอสมาชิกเกษียณแล้วต้องมีเงินพอเพื่อรองรับกับช่วงอายุที่ยาวขึ้นในสังคมของผู้สูงอายุ
“ซึ่งเมื่อสมาชิกมีเงินออมที่เพียงพอ เราเองก็ต้องยั่งยืนด้วย ดังนั้นสมาชิก กบข.จึงต้องมีความไว้วางใจเราและเราต้องทำให้สมาชิกมีความไว้วางใจได้ด้วยการให้บริการที่ดี และที่สำคัญเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องปัจจัยของสังคม สิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาล ซึ่งถ้าหากใครทำผิดกฎหมายหรือทำปัญหาส่งผลกระทบอะไรที่ไม่ดีเราก็จะไม่ไปร่วมลงทุนด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งในประเทศไทยถือได้ว่าเราเป็นผู้นำในด้านนี้” คุณวิทัย กล่าว
ทั้งนี้คุณวิทัย เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่าการที่เข้ามาทำงานที่กบข.ต้องมีการปรับเปลี่ยนอย่างมาก ซึ่งบุคลากรของ กบข.ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงและต้องการการพัฒนาอยู่แล้ว การทำงานจึงสามารถที่จะขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี ซึ่งมุ่งหวังไว้ว่าอยากได้คนออมเพิ่มขึ้นด้วย เพราะมีหลักการและข้อคิดในการทำงานว่าต้องยึดเป้าหมายและต้องทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
สำหรับกิจกรรมยามว่างหลังจากการทำงานคุณวิทัย เล่าให้ฟังว่าจะใช้เวลาไปกับครอบครัวและลูก 2 คน ซึ่งหลายคนถามเสมอว่ามีกิจกรรมอะไรที่จะช่วยให้ผ่อนคลาย ซึ่งก็จะบอกว่าจะอยู่กับลูกๆ แค่นี้ก็ผ่อนคลายแล้ว ซึ่งคิดว่าเป้าหมายของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป บางคนมุ่งมั่นที่จะทำงาน บางคนก็อยากที่จะมีความสุขกับครอบครัว ดังนั้นจึงคิดว่าทำอะไรก็ได้ที่สบายใจที่มีความสุข เพราะทั้งการทำงานและครอบครัวก็มีความสำคัญด้วยกันทั้งคู่ จึงต้องแบ่งเวลาให้ดี
อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้ สิ้นปี 2562 กบข.สามารถสร้างผลตอบแทนการลงทุนสำหรับสมาชิก กบข.ได้ 5.73% ถือเป็นการตอกย้ำกลยุทธ์เน้นกระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและความผันผวนต่ำ โดยในปี 2562 สินทรัพย์ที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงประกอบด้วย ตราสารทุนโลก 18.38% กองทุนแอปโซลูทรีเทิร์น 13.33% ไพรเวทอิควิตี้ 6.38% และอสังหาริมทรัพย์ 6.16% ในขณะที่ตราสารหนี้ไทยและตราสารทุนไทยให้ผลตอบแทน 4.38% และ 2.36% ตามลำดับ
นอกจากนี้ Asia Asset Management วารสารชั้นนำด้านการบริหารสินทรัพย์และการลงทุนของภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ได้พิจารณาผลงานในปี 2562 และคัดเลือกให้ กบข. เป็นผู้ชนะเลิศใน 2 รางวัลใหญ่ โดย กบข. ได้รับรางวัลระดับประเทศด้านการลงทุนที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมมาภิบาล หรือ ESG Investment 1 รางวัล และรางวัลด้านสื่อสารสมาชิกระดับอาเซียนหรือ Best Pension Fund for Member Communications (ASEAN) 1 รางวัล
“เราต้องทำให้สมาชิกมีความไว้วางใจได้ด้วยการให้บริการที่ดี และที่สำคัญเราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องปัจจัยของสังคม สิ่งแวดล้อมและธรรมาภิบาล ซึ่งถ้าหากใครทำผิดกฎหมายหรือทำปัญหาส่งผลกระทบอะไรที่ไม่ดี เราก็จะไม่ไปร่วมลงทุนด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งในประเทศไทยถือได้ว่าเราเป็นผู้นำในด้านนี้”