โดยนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค “จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์การจมน้ำในปี 2563 (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 63) พบเหตุการณ์การจมน้ำทั้งหมด 3 เหตุการณ์ ผู้ประสบเหตุรวม 12 ราย เสียชีวิต 4 ราย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (ในช่วงเวลาเดียวกันปี 62 เสียชีวิต 22 ราย) ในจำนวนผู้เสียชีวิตของปีนี้มี 3 ราย อายุ 5-9 ปี และอีก 1 ราย อายุน้อยกว่า 5 ปี
ส่วนสถานที่เกิดเหตุ พบว่า 2 เหตุการณ์เกิดที่บ่อน้ำสาธารณะหรือบ่อน้ำในพื้นที่เกษตรกรรม และอีกแห่งเกิดในสถานที่ท่องเที่ยว โดยสาเหตุของการจมน้ำเกิดจากเหตุหลายประการ เช่น เด็กไม่มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ไม่มีทักษะการเอาชีวิตรอดในน้ำ และการขาดการเฝ้าระวังที่เพียงพอของผู้ปกครองและคนในชุมชน การจัดการสิ่งแวดล้อมบริเวณแหล่งน้ำที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการขาดทักษะการช่วยเหลือที่ถูกต้อง เป็นต้น”
“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ แม้ว่าในต้นปีนี้จำนวนเหตุการณ์จมน้ำจะมีจำนวนลดลง แต่คาดว่าในช่วงนี้มีโอกาสจะพบเหตุการณ์จมน้ำเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและใกล้ช่วงปิดเทอม เด็กๆ มักชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งอาจมีเหตุการณ์ที่เด็กตกน้ำหรือจมน้ำเสียชีวิตได้ กรมควบคุมโรคขอแนะนำว่า มาตรการป้องกันการเสียชีวิตจากการจมน้ำ จําเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เช่น ผู้ปกครองควรดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กชวนกันไปเล่นน้ำกันเองตามลำพัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกับชุมชน ให้ความรู้เด็กและผู้ปกครองในการป้องกันการจมน้ำ และชุมชนควรร่วมดำเนินการสำรวจแหล่งน้ำเสี่ยง จัดการแหล่งน้ำให้ปลอดภัย เช่น การสร้างรั้วกั้น ป้ายเตือน และเตรียมอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำไว้บริเวณแหล่งน้ำเสี่ยง
ที่สำคัญหากพบเห็นคนตกน้ำ ไม่ควรกระโดดลงไปช่วยเพราะอาจจมน้ำพร้อมกันได้ ควรใช้มาตรการ “ตะโกน โยน ยื่น” ดังนี้ 1.ตะโกนเรียกขอความช่วยเหลือ และโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 2.โยนอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวช่วยคนตกน้ำเกาะจับพยุงตัว เช่น ถังแกลลอน พลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้ และ 3.ยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ไม้ เสื้อ ผ้าขาวม้า ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422”