กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ย้ำ ไม่พบน้ำมันดิบรั่วไหลจากกระบวนการผลิตและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องจากแหล่งปิโตรเลียมในทะเลอ่าวไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจวิเคราะห์ สั่งกำชับดูแลอย่างใกล้ชิด
ดร.สราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีก้อนน้ำมัน หรือ Tar ball เกิดขึ้นบริเวณชายหาดหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมานั้น กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ได้ตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทผู้รับสัมปทานทุกรายที่มีการดำเนินงานในอ่าวไทยทันที โดยตรวจสอบย้อนหลังไป 90 วัน พบว่าไม่มีการรั่วไหลของน้ำมันดิบจากกระบวนการผลิตและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีความชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่นแก่ทุกภาคส่วน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ประสานพลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช ในการลงพื้นที่เก็บตัวอย่างก้อนน้ำมัน เพื่อส่งไปวิเคราะห์ยังห้องปฏิบัติการตรวจพิสูจน์คุณสมบัติเปรียบเทียบกับน้ำมันดิบในอ่าวไทย ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการวิเคราะห์ผล คาดว่าจะทราบผลในอีกประมาณ 1-2 เดือน
“สำหรับปรากฏการณ์ก้อนน้ำมัน จะเกิดขึ้นแทบทุกปีในช่วงหน้ามรสุม ประมาณเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าว กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้เก็บตัวอย่างก้อนน้ำมันไปวิเคราะห์ ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของภารกิจในการกำกับดูแลการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในประเทศไทยเท่านั้น โดยจะวิเคราะห์คุณสมบัติก้อนน้ำมันที่เกิดตามชายฝั่งแล้วนำมาเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลน้ำมันดิบที่ผลิตได้จากแท่นผลิตในอ่าวไทย โดยผลจากการตรวจวิเคราะห์ที่ผ่านมา ยังไม่เคยพบว่า ตัวอย่างก้อนน้ำมันที่เกิดขึ้นเป็นชนิดเดียวกันกับตัวอย่างน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในอ่าวไทย
นอกจากนี้ ในการประกอบกิจการปิโตรเลียม มีการกำกับดูแลและกำชับให้ผู้ประกอบการปิโตรเลียมทุกรายต้องดำเนินการตามมาตรการการป้องกันปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทุกพื้นที่อย่างเข้มงวด และเป็นไปตามมาตรฐานสากลและตามมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ.2514 เพื่อให้การดำเนินกิจการปิโตรเลียมสามารถอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนได้อย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบูรณาการการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมบริเวณชายฝั่งอย่างมีประสิทธภาพและการหาที่มาของก้อนน้ำมันที่เกิดขึ้นในแต่ละปีให้มีความชัดเจน เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ได้มีการลงนาม MOU เรื่อง การพัฒนาฐานข้อมูลลายนิ้วมือน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ร่วมกันของ 10 หน่วยงาน ได้แก่
1. กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ 2. กรมควบคุมมลพิษ 3. กรมเจ้าท่า 4. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 5. กรมศุลกากร 6. ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ในส่วนกองทัพเรือ 7. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดย วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี 8. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)
9. สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) 10. สมาคมอนุรักษ์สภาพแวดล้อมของกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมัน
เพื่อจัดทำฐานข้อมูลลายนิ้วมือน้ำมันดิบ และเพื่อบ่งชี้แหล่งที่มาของก้อนน้ำมันดังกล่าว โดยในขั้นตอนการบริหารจัดการ หากมีก้อนน้ำมันเกิดขึ้นตามชายหาด หน่วยงานท้องถิ่นจะเป็นผู้เก็บตัวอย่างและส่งให้กรมควบคุมมลพิษเพื่อส่งต่อให้วิทยาลัยปิโตรเลียมและปิโตรเคมี (จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) เป็นผู้วิเคราะห์หาที่มาของก้อนน้ำมันดังกล่าว ให้มีความชัดเจนของแหล่งที่มาต่อไป โดยในการเกิดเหตุการณ์ก้อนน้ำมันในพื้นที่บริเวณหาดหัวไทรครั้งนี้ ก็ได้ดำเนินการในขั้นตอนดังกล่าวเช่นกัน