ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ ทองชุมนุม รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต ร่วมกับ ดร.ชยานนท์ ภู่เจริญ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา คณะการบริการและการท่องเที่ยว แถลงข่าวผลกระทบทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต จาก COVID-19 (COVID-19 Phuket Economic Impact , FEB 2020) โดย ดร.ชยานนท์ กล่าวว่า จากข้อมูลศูนย์วิจัยด้านตลาดการท่องเที่ยว พบว่า จำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดภูเก็ตในเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา หดตัวกว่าร้อยละ 37.91 (28 วัน) จากเดิมที่มีผู้โดยสารระหว่างประเทศเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต เฉลี่ยต่อวันในเดือนกุมภาพันธ์ อยู่ที่19,085 เหลือเพียง 11,850 ต่อวัน ผู้โดยสารส่วนใหญ่กลุ่มนี้คือนักท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต และนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางเข้าภูเก็ต ผ่านเที่ยวบินระหว่างประเทศเป็นเพียงร้อยละ 50.12 ของนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตทั้งหมด ทางผู้วิจัยจึงประมาณการนักท่องเที่ยวชในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ช ที่ผ่านมาหายไป 27-37% เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
“ปัจจุบัน การหายไปของนักท่องเที่ยวมีมากกว่าที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ ไม่เฉพาะชาวจีนที่หายไป จากโรคระบาด COVID-19 แต่ส่งผลกระทบต่อทุกสัญชาติ การใช้จ่ายต่อหัวต่อวันในไตรมาสแรกของภูเก็ต คือ 10,292บาท (2018) สูงกว่าตัวเลขการใช้จ่ายเฉลี่ยทั้งปีของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เคยใช้ประเมิน ดังนั้น ความเสียหายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มีมูลค่า 1.2-1.5 หมื่นล้านบาท หากยืดเยื้อนับจากกุมภาพันธ์นี้ไปอีก 7 เดือน จะกระทบ 6.7-7.0หมื่นล้านบาทในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งหมด
ธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ค่าจ้างและสภาพคล่องของธุรกิจโรงแรมถูกประเมินไว้ว่ามีความเสียหายระหว่าง 1.7-2.3 พันล้านบาทในเดือนดังกล่าว ด้านธุรกิจการขนส่งภายในจังหวัดได้รับผลกระทบรวมจากการหายไปของนักท่องเที่ยว ระหว่าง 1.47-2 พันล้านบาท และถ้านับจากกุมภาพันธ์ไปในช่วง7เดือน เสียหาย 6.8-7.2 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวไม่เฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ยังส่งผลไปยังอุตสาหกรรมต้นน้ำ เช่น การไฟฟ้า, ประปา, เกษตรกรรม, อุตสาหกรรมผลิตยาง เป็นต้น ซึ่งการลดลงของรายได้จากการท่องเที่ยวของภูเก็ตจังหวัดเดียว ส่งผลกระทบต่อธุรกิจต้นน้ำ มูลค่าระหว่าง 5.2-7.1 พันล้านบาท
ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต กล่าวว่า ภูเก็ตประสบภาวะเศรษฐกิจกับผลกระทบจาก COVID-19 นับเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องเรียนรู้ไปพร้อมกันในการแก้ปัญหา ไตร่ตรองและตั้งรับ กับการพัฒนาทักษะและ บุคลากรที่เกี่ยวข้องการท่องเที่ยว
“ที่ผ่านมา ภูเก็ตมุ่งเพียงการท่องเที่ยวอย่างเดียว ในอนาคต ภาคเอกชนมีความหวังจะผลักดันส่งเสริมภูเก็ตให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษในจุดที่เหมาะสม แต่ในตอนนี้ ภาคเอกชน ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้ก่อน ซึ่งทุกคนมีความเชื่อมั่นในระบบสาธารณสุขของไทยมีชื่อเสียงดีระดับโลก ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็นบททดสอบที่ดีตั้งแต่รัฐบาลลงมาถึงระดับจังหวัด ในช่วงภาวะแบบนี้ เป็นโอกาสดีที่องค์กรการกุศลต่างๆ ควรเข้ามาช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน “รองศาสตราจารย์ ดร.พันธ์ กล่าวและว่า
ส่วนการที่รัฐบาลยกเลิกศูนย์กักกันกลุ่มเสี่ยงจาก COVID-19 เป็นสิ่งที่ไม่เห็นด้วย โดยได้รับความเห็นจากนักระบาดวิทยาว่า สิ่งที่รัฐกำลังทำเป็นสิ่งท้าทายมากต่อการระบาดของโรคดังกล่าว ควรจะมีการควบคุมกลุ่มเสี่ยงให้อยู่ในพื้นที่จำกัด เป็นจุดสำคัญที่สุด เมื่อไม่มีการกักตัวกลุ่มเสี่ยงการระบาดในประเทศไทย อาจเข้าสู่ระยะที่ 3 เต็มตัวแน่นอน