นายจรินทร์  จักกะพาก  อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า      ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2559 นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็ก โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยแล้ง       

          กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อเป็นการแก้ปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากสถานการณ์ภัยแล้ง เกี่ยวกับน้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำรวจข้อมูลการดำเนินการก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็ก โดยเฉพาะในพื้นที่ประสบภัยแล้ง และเพื่อเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาภัยแล้งแก่ประชาชนอย่างเร่งด่วน จึงขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีศักยภาพได้ร่วมดำเนินโครงการก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็กดังกล่าว โดยการนำงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาดำเนินการ  การดำเนินการก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็กจะต้องเป็นฝายที่มีลักษณะถาวร มีประตู   ปิด – เปิดน้ำเพื่อกักเก็บน้ำและปล่อยน้ำเพื่อระบายออกกรณีปริมาณน้ำเกินความจำเป็น เช่น แบบฝายประชาอาสา  ฝายแบบ มข. 2527 ที่ตั้งของฝายต้องไม่อยู่ในพื้นที่อุทยานฯ พื้นที่ป่าไม้ หรือพื้นที่อนุรักษ์ โดยให้อยู่ในพื้นที่ราบสามารถกั้นน้ำและมีพื้นที่หน้าฝายไม่น้อยกว่า 100 เมตร พื้นที่ชั้นล่างไม่ควรเป็นแผ่นหิน ทั้งนี้ ควรมีการ    กั้นฝายเป็นช่วงๆ ระยะประมาณ 500 เมตร โดยจุดที่ตั้งฝายต้องได้รับความยินยอมจากประชาชนในพื้นที่      อนึ่ง การก่อสร้างฝายกักเก็บน้ำขนาดเล็กจะต้องเป็นการก่อสร้างฝายใหม่เท่านั้น ไม่รวมถึงการปรับปรุง ซ่อมแซมฝาย ที่มีอยู่เดิม