สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับกรมการค้าภายใน เข้าตรวจบริษัท ไทยฮอสพิทอล โปรดักส์ จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ย่านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เพื่อดูกระบวนการขั้นตอนการผลิตหน้ากากอนามัย คุณภาพ ปริมาณการผลิตต่อครั้ง และระบบการจำหน่ายก่อนส่งให้ผู้ค้าต่อไป
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากนายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้แสวงหาข้อเท็จจริงกรณีความเดือดร้อนของประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ อันเนื่องมาจากการไร้ประสิทธิภาพในการปฏิบัติการจำหน่าย จ่าย แจก หน้ากากอนามัยให้กับสถานพยาบาล ร้านค้า และประชาชนทั่วไปเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19
พันโท เทพจิต วีณะคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 4 กล่าวว่า จากกรณีปัญหาการร้องเรียนเรื่องหน้ากากอนามัยที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนนั้น ในการนี้ได้รับมอบหมายจาก พลเอก วิทวัส รชตะนันทน์ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้เร่งดำเนินการสวบสวนหาข้อเท็จจริง จึงเข้าสุ่มตรวจและขอข้อมูลจากบริษัทไทยฮอลพิทอล โปรดักส์ จำกัด ประกอบการพิจารณา โดยได้รับทราบข้อมูลจาก นายไพศาล จารุรักษา ผู้จัดการโรงงาน (เสื้อขาว) และนายชินวัฒน์ มธุรพร รองประธานบริหาร (เสื้อเทา) ของบริษัทไทยฮอลพิทอล โปรดักส์ จำกัด ว่าทางโรงงานรับการผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์เพื่อส่งออกโดยตรง ตามที่ได้รับสิทธิ์BOI ซึ่งหน้ากากที่ส่งออกนั้นเป็นลิขสิทธ์ในต่างประเทศ และเป็นประเภทที่ไม่มีการใช้ในประเทศไทย ส่วนยอดการผลิตหน้ากากอนามัย โดยปกติก่อนมีการประกาศควบคุม โรงงานผลิตส่งออกเดือนละ 12-15 ล้านชิ้น และผลิตส่งขายในไทยเดือนละ 1 ล้านชิ้น หลังมีประกาศควบคุม วันที่ 5 ก.พ. 63 ทางโรงงานได้ปรับไลน์การผลิตหน้ากากอนามัยที่ใช้ในประเทศเป็น 5 ล้านชิ้น โดยจัดส่งยอดการผลิต 50%ให้กรมการค้าภายใน 1.7ล้านชิ้น และองค์การเภสัช 7 แสนชิ้น ส่วนอีก 50% ส่งให้กับผู้ค้าปกติ เช่นโรงพยาบาลรัฐและเอกชน คลินิค ส่วนเดือนมีนาคม หลังมีการประกาศเป็นสินค้าควบคุม 100% ทางโรงงานได้รับการร้องขอจากกรมการค้าภายใน ให้เพิ่มการผลิต ทางโรงงานให้ความร่วมมือ โดยเพิ่มการผลิตเป็น 24 ช.ม. ปรับไลน์การผลิตส่งให้กรมการค้าภายในตั้งแต่ 450,000-1,000,000ชิ้น เฉลี่ยตอนนี้ส่งให้เดือนละ 12 ล้านชิ้น ส่วนไลน์การผลิตส่งออก ปรับลดเหลือผลิตเดือนละ 6-8 ล้านชิ้น ซึ่งหลังตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมาทางบริษัทไม่สามารถส่งหน้ากากอนามัยที่ติดลิขสิทธิ์และสัญญา Boiไปต่างประเทศได้ ทำให้มีสต๊อกค้างอยู่ที่ 10 ล้านชิ้น
นายไพศาล ชี้แจงถึงสาเหตุที่หน้ากากอนามัยที่วางขายตามตลาดออนไลน์และนำส่งออกนั้น ไม่ใช่ของโรงงานตน เพราะหน้ากากอนามัยทุกชิ้นที่ผลิตทางโรงานได้ระบุในเอกสารใบส่งสินค้าให้กับกรมการค้าภายในทุกชิ้น พร้อมหนังสือแจ้งยอดการผลิตตามคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ อีกทั้งที่โรงงานมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐมาเฝ้า 7คน ตลอด 24 ชม. ซึ่งไม่มีช่องทางใดที่จะทำให้โรงงานจะลักลอบขนหน้ากากอนามัยไปทางอื่นได้
พันโท เทพจิต กล่าวเพิ่มว่าในวันศุกร์ที่ 27 มีนาคมนี้ จะมีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมถึงภาคเอกชนมาร่วมประชุมสะท้อนปัญหา ระดมหาทางออก
พร้อมหามาตรการที่เหมาะสมเสนอแนะไปยังรัฐบาลเพื่อเร่งบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนภายในประเทศต่อไป