มีหนังสือร้องเรียนความไม่เป็นธรรมจากนางวิมล เรือง แห่งบ้านกุดเวียน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ซึ่งได้รับมรดกที่ดินจากมารดาจำนวน4ไร่ทำเกษตรกรรมพอเพียงตามแนวพระราชดำริ มากกว่า10ปี ได้พัฒนาจนเป็นศูนย์เรียนรู้ประจำอำเภอตาพระยา จ.สระแก้ว ที่ผ่านมามีผู้นำชาวบ้าน ผู้นำชุมชน นักเรียน นักศึกษามาดูงานอย่างต่อเนื่อง แต่เกิดข้อพิพาทในที่ดินกับพี่สาวซึ่งอ้างว่ามีกรรมสิทธิใช้ประโยชน์ที่ดินทั้งหมดจำนวน14ไร่กว่า ซึ่งแม่ได้โอนให้ก่อนเสียชีวิต หลังจากนั้นได้ใช้ลวดหนามกั้นปิดทางเข้า-ออก แล้วแจ้งความกับตำรวจในข้อหาบุกรุก ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น ที่เลวร้ายกว่านั้นมีผู้ใหญ่บ้านได้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว
โดยสร้างฟาร์มเลี้ยงหมูขนาดใหญ่ แล้วยังได้ให้นางสอุ่ม ชุ่มเสนามาเช่าที่ดินนี้เพื่อปลูกไร่มันสำปะหลัง และมีการขอไฟฟ้าเข้าพื้นที่อีกด้วย ผู้ใหญ่บ้านคนนี้มีสิทธิอำนาจอะไรมาทำประโยชน์ในที่ดินผืนนี้เพราะไม่ได้เป็นทายาทแต่อย่างใดและเป็นบุคคลภายนอก ทั้งยังมาเก็บค่าเช่าอีกต่างหาก ที่ดินส.ป.ก.รัฐจะมอบให้สำหรับเกษตรกรผู้ยากไร้และไม่มีที่ดินทำกินเท่านั้น. แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจะตอบสังคมได้อย่างไร เบื้องลึกแล้วทราบว่าเป็นการซื้อ-ขายที่ดินกันในทางลับจำนวนหลักแสนบาท หากย้อนไปดูกฎหมายหรือระเบียบของส.ป.ก. ที่ดินไม่สามารถซื้อขายได้ ผู้
ร้องเรียนได้ไปขอความเป็นธรรมในที่ดินดังกล่าวทุกแห่งแล้ว ตั้งแต่ อบต.ตาพระยา สปก.สระแก้ว กำนัน นายอำเภอ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ขณะนี้ถึงขั้นฟ้องศาลกันแล้วด้วย ซึ่งต้องพิสูจน์ตามกฎหมายว่าใครเป็นผู้ครอบครองแท้จริง ต้องสู้ถอยหลังไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีที่ทำมาหากินแล้ว ผู้ร้องเรียนต้องการให้เป็นบรรทัดฐาน ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งสอบสวนนายอำเภอตาพระยาทำไมถึงปล่อยให้ผู้ใหญ่บ้านเข้าไปทำธุรกิจในที่ดินส.ป.ก.ได้ และให้รัฐมนตรีเกษตร ลงไปดูข้อเท็จจริงว่า ส.ป.ก.จังหวัดสระแก้วเพิกเฉย ไม่แก้ไขปัญหาข้อพิพาทนี้