พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข้อกำหนดเมื่อมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จัดตั้งคณะทำงานขึ้นรับผิดชอบ ข้อกำหนดอย่างที่ทุก ออกได้ตลอดเวลา ระยะที่ 1 จะประกาศในวันที่ 26 มี.ค. เป็นความจำเป็นต่อสุขภาพของประชาชนโดยรวม รัฐบาลมีความมุ่งมั่นเต็มที่ดูแลสุขภาพของประชาชนให้มากที่สุด ขอให้ร่วมมืออย่าเพิ่งเดินทางกลับภูมิลำเนา หากจะต้องกลับก็จะต้องเจอมาตรการการคัดกรองการตรวจสอบต่างๆ อีกมากมาย เช่นที่ทำมาโดยตลอดกับคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ให้เวลาประชาชนปรับตัวไปด้วย
ขณะเดียวกันเน้นความสำคัญกักตัวในที่บ้าน กักตัวในพื้นที่ ถ้ามีความจำเป็นเราก็มีสถานที่กักตัวของรัฐเพิ่มเติมขึ้นถ้ามี ติดเชื้อจำนวนมากต้องหามาตรการอื่นๆ มารองรับ รพ.สนาม กักตัวขนาดใหญ่เป็น 100-1,000 คนจัดหาเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้พอ มีการช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้ามาแต่ก็ยังไม่เพียงพอ ต้องมีการจัดหาจัดซื้อเพิ่มเติม แต่จะหาจากที่ไหน ในเมื่อเมื่อทุกประเทศมีความต้องการสิ่งต่างๆ เหล่านี้มากอยู่ สิ่งเหล่านี้เป็นการหารือในแต่ละวันใน ศอฉ. อย่าตื่นตระหนก ถ้าตระหนกก็มีปัญหา เราก็ต้องฟังรัฐบาล
นอกจากนี้ การให้ข่าวจะมีการให้ข้อมูลทั้งวันสื่อโซเชียลต่างๆ ตั้งแต่เช้าถึงเย็น มีช่องทางให้ประชาชนสอบถามให้ตรงกับเวลาดังกล่าว ส่วนวาระสรุปจะมีการสรุปประเด็นสำคัญในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม เมื่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินขอให้ระมัดระวังในการใช้สื่อโซเชียล การให้ข่าวสารบิดเบือน กฎหมายฉบับนี้จะแต่งตั้งเจ้าพนักงานทั้งหมด พลเรือน ตำรวจ ทหาร ในการจัดตั้งด่านตรวจ จุดสกัด กำลังการเตรียมความพร้อมต่างๆ ในการช่วยเหลือส่วนราชการในการทำงาน ประชาชนจึงต้องเจอกับจุดสกัดต่างๆ เหล่านี้ ค่อยปรับมาตรการต่างๆ เข้มงวดขึ้น ถ้าถ้ายังแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้ ก็จำเป็นต้องปิดล็อกต่างๆ ทั้งหมด ให้เป็นไปตามขั้นตอน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝากกับสื่อ ผู้ใช้โซเชียลจะได้รับการตรวจสอบทั้งสิ้น เจ้าพนักงานที่ได้รับการแต่งตั้ง ทุกคนมีอำนาจในทางคดีอาญา สามารถจับกุมดำเนินคดี ไม่ว่ากักตุนสินค้า การขึ้นสินค้า จะมีความเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ เข้าใจทุกคนรักประเทศ แต่ต้องรักในวิธีที่ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย และเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล