พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผย กรมส่งเสริมสหกรณ์ มีแผนลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับหอการค้าไทย เพื่อการพัฒนาสหกรณ์ ในโครงการ “1 หอการค้า 1 สหกรณ์การเกษตร” ซึ่งเป็นโครงการที่จะทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยต่างๆเพื่อเข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนกิจการของสหกรณ์การเกษตร 3,800 แห่งทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาผลผลิตและการจัดการด้านการตลาด เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่สหกรณ์การเกษตรและเศรษฐกิจฐานราก
ทั้งนี้สหกรณ์การเกษตรมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร มีความรู้เฉพาะด้านการเกษตร แต่ยังขาดการพัฒนาด้านการบริหารจัดการ,การตลาด ซึ่งเรื่องดังกล่าวหอการค้าไทยจะเข้าไปให้ความช่วยช่วยเหลือ โดยนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตร คาดว่าเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น ตั้งเป้าหมายที่จะช่วยเหลือสหกรณ์การเกษตรให้ได้ 100 สหกรณ์ภายในปี 2559 และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ30
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือหอการค้าไทยจะเข้าไปช่วยยกระดับคุณภาพผลผลิต โดยกำหนดมาตรฐานเพื่อที่เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ตามมาตรฐานสากล อีกทั้งยังช่วยนำเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามากำกับดูแลการผลิต มีการเก็บข้อมูลอย่างละเอียดทุกขั้นตอน เพื่อจะนำข้อมูลต่างๆ มาใช้ในระบบตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อมุ่งเน้นพัฒนาสหกรณ์การเกษตรสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต โดยความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้การดำเนินงานของสหกรณ์การเกษตรมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งจะสามารถช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยองค์กรภาคธุรกิจได้มีส่วนในการสนับสนุนโครงการที่เป็นประโยชน์อย่างยั่งยืน ผ่านสหกรณ์ภาพการเกษตร รวมทั้งการเพิ่มผลผลิตและการยกระดับคุณภาพสินค้า การเพิ่มรายได้ และลดต้นทน ในการผลิต และสุดท้ายสามารถสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์ภาคการเกษตร ได้อย่างยั่งยืน
ด้านนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้การดำเนินการอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อวางแผนการดำเนินการในโครงการดังกล่าว 25 แห่ง ซึ่งมีการดำเนินการร่มกันระหว่างสำนักงานสหกรณ์จังหวัด กับหอการค้าจังหวัด และสหกรณ์ คือ การเพิ่มช่องทางด้านการตลาดและเพิ่มมูลค่าสินค้า 17 แห่ง รวมทั้งด้านองค์ความรู้และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการองค์กร จำนวน 22 แห่ง นอกจากนี้ด้านลดต้นทุนการผลิต จำนวน 1 แห่ง และด้านการพัฒนาการผลิตเกษตรให้มีมาตรฐาน อาทิ GMP และ GAP จำนวน 2 แห่ง คาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2559 การร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้ด้านต่างๆ รวมทั้งยกระดับความสามารถให้กับสหกรณ์การเกษตรและสมาชิก ขณะเดียวกันสามารถสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างกรมส่งเสริมสหกรณ์และหอการค้าไทย
“ โครงการดังกล่าว น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของสหกรณ์ภาคการเกษตร ที่ฝ่ายธุรกิจยืนมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือเปิดทางให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ และสหกรณ์การเกษตรและสมาชิก เข้าไปประสานความร่วมมือ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับสหกรณ์โดยตรง อยากเห็นสหกรณ์ประสานความร่วมมือกับทางหอการค้าไทยทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำเกษตรกรรม , หัตถกรรม และ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ จะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการดำเนินงานร่วมกันต่อไปในอนาคต ” นายวิณะโรจน์ กล่าว