พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตามที่กรุงเทพมหานครได้จัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60+ Earth Hour 2020)” โดยกรุงเทพมหานครร่วมกับองค์กร WWF ประเทศไทย มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) : FEED การไฟฟ้านครหลวง หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมจัดกิจกรรม “ปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน (60 Earth Hour)” ภายใต้แนวคิด “ปิดเพื่อโลกเปลี่ยนเพื่ออนาคต” เมื่อวานนี้ (28 มี.ค. 63) ด้วยการรณรงค์ให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า และประชาชนลดการใช้พลังงานและปิดไฟที่ไม่จำเป็น เช่น ไฟประดับ ไฟอาคาร ป้ายโฆษณา การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานลดการใช้เครื่องปรับอากาศ ในอาคารบ้านเรือน เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 20.30 - 21.30 น. โดยเชิญชวนร่วมแชร์การมีส่วนร่วมกิจกรรม ด้วยการติดแฮชแท็ก คำว่า #connect2earth หรือ #ปิดเพื่อโลกเปลี่ยนเพื่ออนาคต หรือ #VoiceforThePlanet เพื่อร่วมกันเปลี่ยนโลกในวันนี้ รวมถึงกำหนดจุดปิดไฟเชิงสัญลักษณ์ 5 สถานที่หลัก ได้แก่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) พระบรมมหาราชวังวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เสาชิงช้า สะพานพระราม 8 และภูเขาทอง (วัดสระเกศฯ) นอกจากนี้ สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ได้รณรงค์เชิญชวนผู้ประกอบการเจ้าของอาคารสถานที่ ร่วมปิดไฟเชิงสัญลักษณ์อีก 126 แห่ง และยังมีอาคารบ้านเรือนในถนน 87 สายพร้อมใจกันร่วมปิดไฟด้วย
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน เมื่อวานนี้ ผลการคํานวณการใช้ไฟฟ้าช่วงเวลาปิดไฟโดยการไฟฟ้านครหลวงพบว่า ในปีนี้พื้นที่กรุงเทพฯ สามารถลดความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 2,482 เมกะวัตต์ ลดได้มากกว่าการจัดกิจกรรมในปี 62 ที่สามารถลดการใช้กระแสไฟฟ้าได้ 1,514 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าไฟฟ้าที่ลดลง 6.05 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 749 ตัน และเมื่อเปรียบเทียบความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในพื้นที่กรุงเทพฯ ณ วันที่ 25 เม.ย. 62 จํานวน 6,204.24 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าไฟฟ้าที่สามารถลดลงได้ 10.15 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1,219 ตัน ทั้งนี้ หากนับรวมการจัดกิจกรรมตั้งแต่ปี 2551 – 2563 สามารถลด การใช้กระแสไฟฟ้าได้ 22,369 เมกะวัตต์ คิดเป็นมูลค่าไฟฟ้าที่ลดลง 80.97 ล้านบาท และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 12,227 ตัน