ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ย้อนกลับ
ไฟกทม.เผาคนกันเองสุขุมพันธุ์แค่ร้อนหรือจะไหม้ไปด้วย?
11 พ.ค. 2559

          ในที่สุดผลสอบก็ปรากฏออกมา แม้ยังต้องรอคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ คตง.พิจารณาอีกครั้ง กระนั้นกับการสรุปของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือสตง. โดยการเปิดเผยจาก นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสตง.เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ก็น่าจะมองเห็นทิศทางและอนาคตบางอย่างที่สั่นสะเทือนเสาชิงช้า กับผลการตรวจสอบโครงการประดับตกแต่งไฟเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวบริเวณลานคนเมือง ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ช่วงเทศกาลปีใหม่ ในวงเงินงบประมาณ 39.5 ล้านบาท

          โดยผู้ว่าการสตง. ยอมรับว่า ผู้เกี่ยวข้องในกรณีนี้มีทั้งเอกชน เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการ รวมถึงผู้บริหารระดับสูงของ กรุงเทพมหานคร 2 คน ซึ่งถูกระบุว่าต้องรับผิดชอบในโครงการนี้ด้วย

            ทั้งนี้จากข้อมูลของสตง. ยังพบว่าผู้เกี่ยวข้องมีพฤติการณ์ส่อเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนเข้ามารับงาน โดยมีข้อพิรุธหลายประเด็น ตั้งแต่ขั้นตอนการยื่นประกวดราคา รวมถึงความคุ้มค่าในการจัดจ้างทำโครงการ และนอกจากเอกชนที่รับงาน และเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโครงการแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของ กทม. 2 คนที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมรับผิดชอบในฐานะที่ปล่อยให้ใช้จ่ายงบประมาณอย่างไม่ถูกต้อง

          สำหรับโครงการประดับไฟตกแต่งเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกทม. บริเวณลานคนเมือง ได้จัดทำเป็นซุ้มอุโมงค์ไฟประดับแอลอีดี 5 ล้านดวง เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ 2559 โดยเริ่มเปิดไฟให้คนไทย และนักท่องเที่ยวได้ชมตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2558 เป็นเวลา 1 เดือน โดยมี บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ชนะการประมูล

          หากใครติดตามเรื่องนี้จะทราบว่า นายพิศิษฐ์ เคยออกมาเปิดเผยถึงความผิดปกติการใช้งบและได้ขอเอกสารจากกทม.มาตรวจสอบ โดยเบื้องต้นพบว่า เป็นการใช้งบประมาณฉุกเฉินจำนวน 40 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ กทม.ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งตามสัญญาผู้รับจ้างจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2558 - 31 มกราคม 2559 ดังนั้นจึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการใช้งบประมาณที่ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เนื่องจากโครงการลักษณะเช่นนี้สามารถวางแผนโครงการล่วงหน้า และใช้งบประมาณปกติได้ อีกทั้งการติดไฟประดับหน้าลานคนเมือง 5 ล้านดวงอาจไม่ได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่าที่ควร เพราะไม่ใช่เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมทั้งระยะเวลาการประชาสัมพันธ์ก็มีน้อยเกินไปอีกด้วย

          นอกจากนี้ข้อสังเกตยังชี้ชัดไปที่ความไม่ชอบมาพากลของการจัดซื้อจัดจ้าง เนื่องจากพบว่าการติดตั้งอุปกรณ์ดำเนินการก่อนที่จะประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล โดยเริ่มตั้งแต่ประกาศร่างข้อกำหนดและขอบเขตงาน (TOR) เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2558 ออกประกาศเชิญชวนประกวดราคา  26 พฤศจิกายน 2558 เอกชนเสนอราคา  17 ธันวาคม 2558 ก่อนประกาศผลและลงนามในสัญญาจัดจ้างเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 แต่ปรากฏว่า “ผู้รับจ้าง” คือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ได้เข้าพื้นที่ดำเนินการไปก่อนแล้ว ทั้งที่ยังไม่ประกาศผลการประกวดราคา และลงนามเซ็นสัญญาจ้าง

          ขณะที่มีข้อมูลว่าบริษัทที่ชนะการประมูลดำเนินกิจการด้านการท่องเที่ยว และยังเคยจัดคณะทัวร์ต่างประเทศให้แก่ กทม. แต่เพิ่งมาเพิ่มกิจการประดับตกแต่งไฟเมื่อปลายปี 2558 โดยได้แจ้งขอเพิ่มวัตถุประสงค์ประกอบกิจการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีบางข้อที่เกี่ยวข้องกับการรับจัดงานแสดงสินค้า งานประชาสัมพันธ์ รับประมูลงานจากหน่ายงานรัฐ และจำนวนไฟประดับตกแต่ง

          รวมทั้งเป็นที่น่าแปลกที่โครงการใหญ่เกือบ 40 ล้านบาท แต่เจ้าของโครงการอย่าง กทม.กลับไม่ระบุ “คุณสมบัติ” ของผู้รับเหมาว่า ต้องมีประสบการณ์ในการจัดงานประเภทนี้มาก่อน ทั้งผลการประมูลที่มีเอกชนเข้าแข่งขัน 2 บริษัท ชนะ กันแค่ 1.3 แสนบาท ต่ำกว่าราคากลางเพียง 3.8 แสนบาท ไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ของราคากลางที่กำหนดไว้เกือบ 40 ล้านบาท

          และในช่วงนั้นเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.เองที่พูดไว้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2558 ก่อนสตง.จะยื่นมือเข้ามาตรวจสอบว่า โครงการดังกล่าวคุ้มค่า เพื่อให้คนได้เห็นความสวยงามของไฟประดับครั้งหนึ่งของชีวิต ทั้งยังยืนยันจัดสรรงบประมาณเหมาะสม มีแนวคิดแปลกใหม่ในการทำงาน และพร้อมให้ทุกฝ่ายเข้าตรวจสอบ

          ด้านนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ซึ่งก็เคยออกมายืนยันโครงการนี้มีความโปร่งใส่ ไม่มีเรื่องฮั้วประมูลงาน ทั้งยังบอกอีกว่า กทม. ไม่ได้เข้มงวดว่าเอกชนที่จะเข้าร่วมประกวดราคาจะต้องมีอาชีพเกี่ยวกับการทำธุรกิจจำหน่าย ปลีก-ส่ง ไฟฟ้าประดับตกแต่ง ไฟฟ้าให้แสงสว่างทุกชนิดแต่อย่างใด ส่วนข้อมูลที่พบว่า น.ส.คุณัณญา จรูญภาพิมล ปรากฎชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทเอกชน 3 ราย คือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด บริษัท สรรค์สร้าง จำกัด และบริษัท จิปาถะ ไอเดีย จำกัด นั้นตนไม่เคยรับทราบข้อมูลเรื่องนี้มาก่อน

           ทั้งนี้นายอมร ยังกล่าวอีกว่าการจัดซื้อเป็นไปตามหลักเกณฑ์เบิกจ่ายงบ ซึ่งเป็นงบประมาณกลางเป็นไปตามเงื่อนไขการเบิกใช้ตามอำนาจบริหารของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แต่ทางสตง.กลับโยงเข้าเงื่อนไขเบิกใช้กรณีฉุกเฉิน ส่วนการสรรหาผู้รับเหมาผ่านขั้นตอนการประกวดราคา ตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction)  มีผู้รับเหมา 2 รายยื่นประมูล และได้ผู้ชนะที่ราคา 39.5 ล้านบาท กทม.จึงประกาศผลประมูลวันที่ 17 ธันวาคม และลงนามสัญญาวันที่ 22 ธันวาคม แต่ได้แจ้งให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ได้ทันทีตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม เพื่อให้ทันเทศกาลปีใหม่

          สำหรับไฟแอลอีดีประดับเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคมถึง 30 มกราคม 2559 ระหว่างเวลา 18.00 - 24.00 น.ยกเว้นวันที่ 31 ธันวาคม 58 ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปี เปิดไฟไปจนถึงเช้าวันที่ 1 มกราคม 2559 นอกจากนี้ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2558 ถึง 3 มกราคม 2559 กทม.ได้เปิดเป็นถนนคนเดิน บริเวณถนนดินสอ และถนนมหรรณพ ตั้งแต่เวลา 17.00 – 24.00 น.โดยมีร้านค้าเข้าร่วมงานกว่า 300 ร้าน

          ใครที่ติดตามเรื่องนี้จะรู้ว่า ผู้ที่ออกมาเปิดประเด็นแฉข้อมูลโครงการนี้ ก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นอดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร ของค่ายประชาธิปัตย์เองที่ชื่อ นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ โดยวันที่ 3 มกราคม 2559 เขาได้ออกมาแถลงว่าในวันที่ 6 มกราคม จะไปยื่นเรื่องการทุจริตของกทม.ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเพื่อให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสใน 3 เรื่อง และหนึ่งในนั้นก็คือโครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง จำนวน 5 ล้านดวง ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 58 - 31 มกราคม 59  มูลค่า 39.5 ล้านบาท

          โดยอดีตส.ส. กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าริษัทที่รับทำ ที่ผ่านมาเป็นบริษัทที่รับทำทัวร์ และรับทำทัวร์ให้กทม.ตลอด แต่เมื่อ 7 กันยายน 2558 ก็ไปแจ้งต่อกรมทะเบียนการค้าขอเพิ่มวัตถุประสงค์ในการประกอบการทำธุรกิจ คือ 1.รับตกแต่งไฟและขายหลอดไฟประดับ 2.จัดจำหน่ายเครื่องดนตรีทุกประเภท ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการพูดคุยว่าต้องมารับงานดังกล่าว เนื่องจากกทม.ประกาศเชิญชวนให้บริษัทมายื่นซองประมูลทำโครงการประดับไฟตกแต่งในวันที่ 26 พฤศจิกายน และเปิดซองประมูลในวันที่ 17 ธันวาคม โดยที่บริษัทดังกล่าวเข้ามาทำงานทันทีทั้งที่ยังไม่ทำสัญญา และจะต้องมีการประกาศผู้ได้รับการประมูลในวันที่ 22 ธันวาคม

          “ ขอตั้งข้อสังเกตว่า งานนี้ถ้าไม่ติดต่อกันหรือฮั้วกันไว้ก่อน ไฟ 5 ล้านดวง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่หามาได้ทันเวลา และจากที่ไปตรวจสอบพบว่ามีไฟประดับ 3 แบบโดยแบบแรกเป็นสายขายเป็นม้วน ม้วนละ 500 ดวง ราคาขายปลีก 550 บาท แบบที่ 2 เป็นแบบท่อมีหลอดไฟ ขายราคาเมตรละไม่เกิน 60 บาท ส่วนอีกแบบหนึ่งยังไม่พบตามท้องตลาด แต่เชื่อว่าราคาไม่ต่างกันมาก และจากการคำนวณการใช้ไฟ 5 ล้านดวง ต้องใช้ความยาว 1 แสนเมตร หรือ 100 กิโลเมตร เทียบเป็นระยะทาง คือจากกรุงเทพฯถึงธนบุรีปากท่อ

           ผมไม่สามารถนับว่าจำนวนครบ 5 ล้านดวงหรือไม่ แต่ถึงจะครบ 5 ล้านดวง งบประมาณก็ไม่น่าถึง 39.5 ล้านบาท แค่หลอดไฟไม่รวมค่าแรง ก็เพียง 5 ล้านบาทเศษ ถามว่าใช้งบประมาณเกินไปหรือไม่ ถ้าผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯบริสุทธิ์ใจจริง ขอให้นำสัญญาว่าจ้างมากาง เพื่อให้ตรวจสอบความโปร่งใส ซึ่งผมจะได้ช่วยตรวจสอบให้ และท่านจะฟอกตัวเองด้วย ”  นายวิลาศ กล่าว

          และไม่เพียงแค่นั้น นายวิลาศ ยังเปิดข้อมูลไปถึงบริษัทฯเคยรับงานจัดทัวร์ของกทม.ในช่วยเดือนมกราคม - มีนาคม 2554 โดยเป็นสมาชิกสภาเขต จำนวน 362 คน เดินทางไปยุโรปฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน 7 วัน ส่วนผู้ช่วยสมาชิกสภาเขต 244 คนไปกรุงปักกิ่ง 6 วัน 5 คืน ซึ่งตามระเบียบการเดินทางของราชการต้องใช้สายการบินไทย แต่ปรากฎว่า ทัวร์ของทั้ง 2 โครงการได้ซื้อตั๋วจากสายการบินศรีลังกาแอร์ โดยอ้างว่าในระหว่างวันเดินทางที่นั่งของสายการบินไทยเต็ม

          หากย้อนเวลาไปอีก ก่อนการตั้งโต๊ะแฉของนายวิลาศ นั่นคือวันที่ 2 มกราคม นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์อีกคน ได้ออกมาตีปี๊บแจ้งล่วงหน้าว่าจะร่วมกับนายวิลาศ แถลงเรื่องส่อทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างของกทม. และขอให้รอเซอร์ไพรส์จากนายวิลาศ

          " เราจะร่วมกันแถลงข่าวเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า แม้จะไม่ทำตามประเพณี แมลงวันไม่ตอมแมลงวันกันเอง หรือพวกเสือไม่กินเนื้อเสื้อด้วยไม่ละเว้นแน่นอน จะไม่ได้ฮั้วกันบนคราบน้ำตาของประชาชน ทุกเรื่องที่จะยื่นให้องค์กรอิสระตรวจสอบ มีมูล ตรงไปตรงมา ไร้อคติ ไม่มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง

          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้สั่งให้นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม.นำเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง กล้องซีซีทีวีของกทม.มาตรวจสอบแต่เวลาผ่านมา 2 เดือนยังไม่เห็นเอกสารสักแผ่น และที่ผ่านมาตนและนายวิลาศ ได้ขอเอกสารไปแต่ก็ไม่ได้ แบบนี้หมายความว่าอย่างไร มันส่อถึงความไม่โปร่งใสตรงไปตรงมาหรือไม่

          ไหนว่าทั้งชีวิตนี้เราดูแล มาถึงวันนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยังไม่ยอมรับโทรศัพท์นายอภิสิทธิ์ ขนาดประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ ยังมีฮอตไลน์สายตรงถึงกัน นี่ ท่าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นทั้งอดีต รมช.ต่างประเทศ และอดีตรองหัวหน้าพรรค โกรธอะไรกันหนักหนาถึงไม่ยอมรับโทรศัพท์ "

          แม้นายวัชระจะออกตัวไว้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่คำพูดของเขาก็ทิ้งร่องรอยไว้เกลื่อนกลาด ไม่นับว่าสภากาแฟคอการเมืองพันธุ์แท้ที่ติดตามเรื่องราวจะรู้กันดีว่าภายในพรรคเก่าแก่แห่งนี้ มีกลุ่มก้อนหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของนายอภิสิทธิ์ กับกลุ่มของอดีตเลขาธิการพรรคอย่างลุงกำนัน และอีกร่องรอยหนึ่งที่ทิ้งเอาไว้ให้เห็นได้ชัดก็คือการสนับสนุน คุณชายหมูลงชิงผู้ว่าฯเมืองหลวงของสุเทพ เทือกสุบรรณในสมัยที่ผ่านมา

          แต่อย่างไรก็ตามเชื่อแน่ว่า ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ น่าจะหลุดบ่วงจากคดีนี้ไปได้ อาจสะบักสะบอมบ้าง ซึ่งตลอด7ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเจอมาหนักแล้วทั้งแรงเสียดทานจากภายนอกและภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง ส่วนอนาคตข้างหน้าสำหรับเจ้าของวังสวนผักกาดน่าสนใจยิ่ง นั่นเพราะว่าจะครบวาระ4ปีสมัยที่สองในตำแหน่งผู้ว่ากทม.ปีหน้าแล้ว จะวางทายาทมารับช่วงพ่อเมืองต่อ แล้วคุณชายก็เบี่ยงไปสู่ถนนสายการเมืองสนามใหญ่ หรือจะเจอวิบากกรรมอื่นใดให้ต้องสะดุดอีกกับหนึ่งปีที่เหลือ ต้องติดตามนับจากนี้ !!!

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...