ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 31 มี.ค. ซึ่งเดิม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี ขออนุมัติให้กองทัพเรือดำเนินการโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ สนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำ ซึ่งจะใช้งบประมาณกว่า 6,100 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น แต่ปรากฏว่าเรื่องดังกล่าว พล.อ.ชัยชาญ ขอถอนเรื่องออกจากวาระการพิจารณา หลังจากถูกกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากในช่วงนี้กำลังเผชิญการระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังต้องใช้งบประมาณอีกจำนวนมากในการแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ ได้ออกมากล่าวชี้แจง กรณีกระทรวงกลาโหม เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขออนุมัติจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบกจากจีน ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ในห้วงที่ประเทศกำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ว่า ไม่ใช่เป็นการขออนุมัติต่อเรือยกพลขึ้นบก เพราะโครงการนี้ ผ่านการอนุมัติ และมีการทำสัญญาไปตั้งแต่ เดือน พ.ย.2562 แต่เรื่องที่เข้า ครม.วันนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรือ เช่น การส่งคณะกรรมการไปตรวจแบบเรือ, การเตรียมส่งทหารไปฝึก เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
ทั้งนี้ กองทัพเรือไทย ทำสัญญาต่อเรือ LPD ยกพลขึ้นบกลำใหม่จากจีน เพื่อเป็นเรือพี่เลี้ยงให้เรือดำน้ำ และเพื่อภารกิจยกพลขึ้นบก บรรเทาสาธารณภัย เสริมภารกิจ เรือหลวงอ่างทอง ด้วย โดยมี พล.ร.อ. ช่อฉัตร กระเทศ รองผบ.ทร. โดยในขณะนั้นเป็นประธานที่ปรึกษากองทัพเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ลงนามกับจีน ในสัญญาการต่อเรือยกพลขึ้นบก LPD จากจีน 1ลำ เมื่อ พ.ย.2562 งบ 6,100 ล้านบาท