รมว.ยุติธรรม เผยหัวโจกปลุกปั่นเผาเรือนจำมีประวัติโชกโชน ทั้งยังมีโทษจำคุกตลอดชีวิต พร้อมระบุ จับผู้ต้องขังแหกคุกอีก 1 รายได้แล้ว เปรย มูลค่าเสียหายเรือนจำบุรีรัมย์หลายสิบล้านบาท
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการเผาเรือนจำบุรีรัมย์ว่า จากการสอบสวน นายทีระชัย ชัยยะบัญชร หัวโจกในเรื่องนี้ ที่เป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำมีปัญหากับผู้อื่นตลอด มีประวัติตั้งแต่เป็นเยาวชนถูกจับกุมให้อยู่ที่สถานพินิจฯ เคยติดคุกที่เรือนจำภาคเหนือ ก่อนย้ายมาเรือนจำบุรีรัมย์จนได้รับการปล่อยตัว เมื่อออกไปไม่สำนึกยังทำความผิดซ้ำจนกลับมาติดคุกอีกครั้งที่เรือนจำบุรีรัมย์ และศาลได้พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต ผู้ต้องขังถือเป็นคนสมองดีจึงคิดแผนปลุกปั่นให้ผู้ต้องขังกลัวโควิด-19 จนเกิดเหตุการณ์เผาเรือนจำขึ้น นอกจากนี้ ผู้บัญชาการเรือนจำได้จับตามาโดยตลอดเพราะพบว่ามีการเยี่ยมญาติถี่ และพบว่ามีคนมีสีมาเยี่ยมด้วยโดยชื่อจะปรากฎในชั้นสอบสวนต่อไป
นายสมศักดิ์ฯ กล่าวอีกว่า ขณะที่นายธันยพงศ์ สินพูน ผู้ต้องขังคดียาเสพติดที่ยังหลบหนี สามารถจับกุมได้แล้วเมื่อกลางดึกของวานนี้ ( 30 มี.ค.) โดยสถานีตำรวจภูธรคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทราบจากพลเมืองดีแจ้งว่าผู้ต้องขังที่หลบหนีขี่มอเตอร์ไซค์วนเวียนอยู่แถวบ้านจึงควบคุมตัวไว้ได้ สำหรับมูลค่าการเสียหายอาคารเรือนนอนที่ถูกเผา 3 หลัง ราคาหลังละ 20 ล้านบาท ส่วนจุดอื่นๆ ที่ถูกทำลายประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บมีไม่มาก เจ็บเพียงเล็กน้อยด้วยการถูกกระจกบาด ไม่มีผู้เสียชีวิต คนที่บาดเจ็บหนักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมีเพียง 1 รายเท่านั้น
นายสมศักดิ์ฯ ยังกล่าวว่า ขณะที่การสอบสวนได้ตั้งคณะกรรมการออกเป็น 2 ชุด คือ 1.สอบผู้ต้องขัง 2.สอบผู้บัญชาการเรือนจำถึงสาเหตุที่เกิด
ส่วนญาติพี่น้องที่มีความกังวลในการย้ายผู้ต้องขังว่าไปอยู่ที่ใดบ้างสามารถสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดบุรีรัมย์หรือติดต่อไปยังเทศบาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่เป็นศูนย์แจ้งว่าผู้ต้องขังอยู่ที่ไหนบ้างและอีกช่องทางหนึ่ง คือ เฟซบุ๊กของกรมราชทัณฑ์