ทั้งนี้ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ที่ลุกลามใหญ่โตไปทั่วโลก ขณะที่ประเทศไทยเอง การแพร่ระบาดก็ยังคงมีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกวัน โดยยังไม่มีทีท่าลดน้อยถอยลงแต่อย่างใด ประกอบกับบมาตรการสกัดยับยั้งการแพร่ระบาดของรัฐก็ดูจะเป็นไปอย่างเชื่องช้าและสับสนนั้น
ต่อกรณีดังกล่าวนี้เอง นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า
“ห้องปฏิบัติการและเครื่องมือปฏิบัติการตรวจไวรัส โคโรน่าไวรัสนี้ ถือเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญที่จะใช้ต่อสู้กับศัตรูในสงครามไวรัสนี้ (อาวุธเหล่านี้ ได้แก่ mask เจล ยาฆ่าเชื้อ อันได้แก่ คลอรีน alcohol 70% conc.up ยาแก้หวัด สารและน้ำด่างจัด PH12 TPI BIONOX ยาปฎิชีวนแก้ไข้แก้ปวดแก้เจ็บคอ เป็นต้น)
ถ้ารัฐบาลไม่มีเครื่องมือและห้องปฏิบัติการ หรือว่ามีห้องมือห้องปฏิบัติการและเครื่องมืออยู่แล้วกลับสั่งไม่ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทำการตรวจสอบไวรัส 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ รพ. รพ.รามา และ ม.มหิดล รพ.ศิริราช และ รพ.สถาบันบำราษฎรนราดูล เพราะกลัวว่า เจ้าหน้าที่จะได้รับอันตราย และกลัวว่าจะเป็นการเผยแพร่เชื้อร้าย จึงมีคำสั่งจากกระทรวงสาธารณสุข (อ.ย.) ห้ามรับตรวจสอบเชื้อไวรัส COVID-19 เหมือนกับว่า เราได้เสียงบประมาณประเทศไปมากมายเพื่อซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยมามากมาย แล้วยังมีกองทัพมี่เช้มแข็งใช้อาวุธเป็น
แต่เวลามีสงครามกลับสั่งไม่ให้ใช้อาวุธ และให้ทหารนอนเล่นออยู่ในกรมกอง ถือว่ามีอาวุธแล้วให้เก็บไว้สำหรับโชว์เท่านั้นเอง ไม่สมควรที่จะมีเลย แต่ถ้ารัฐบาลกลัวว่าเจ้าหน้าที่พนักงานจะได้รับอันตรายจากการติดเชื้อจากการจัดการกับตัวอย่างเชื้อ เช่น เสลดสำหรับการตรวจไวรัสนี้ รัฐบาลก็ควรจะซื้อเครื่องมือป้องกันให้กับเจ้าหน้าที่และเครื่องมือที่ทันสมัยเพิ่มเข้าไป
เพราะนี่คืออาวุธสำคัญในการรบกับไวรัส หากไม่มีแล้วจะไปรบชนะศัตรู (ไวรัสcovid-19) ได้อย่างไร”