พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การขยายธุรกิจด้านดาวเทียมของเอ็นที ในปัจจุบันมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเอ็นที เป็นพันธมิตรทางธุรกิจรายสำคัญของ Eutelsat OneWeb ผู้ให้บริการดาวเทียมระดับโลก จากการให้บริการสถานีเชื่อมโยงโครงข่าย หรือ SNP Gateway สำหรับดาวเทียมวงโคจรต่ำของ OneWeb ณ สถานีดาวเทียมสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี สถานีดังกล่าวสามารถรองรับการเชื่อมโยงสัญญาณจากโครงข่ายดาวเทียมมากกว่า 600 ดวง ไปยังผู้ใช้บริการในประเทศไทย และกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ ไต้หวัน เกาหลีใต้
ขณะเดียวกัน รายงานของ Gartner, Inc. คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้งานบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมวงโคจรต่ำทั่วโลกในปี 2569 จะมีมูลค่าสูงถึง 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 24.5% จากปี 2568 และด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี คาดว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีผู้ให้บริการดาวเทียม LEO มากกว่า 20 ราย และจำนวนดาวเทียมรวมมากกว่า 40,000 ดวง ซึ่งสะท้อนแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศ
ล่าสุดเอ็นที ได้เปิดให้บริการ “NT nexConnect” อย่างเป็นทางการ นับเป็นการให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ผ่านดาวเทียมของ Eutelsat OneWeb ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจะเข้ามายกระดับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของประเทศให้มีความครอบคลุมและมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล พื้นที่ทุรกันดาร และน่านน้ำมหาสมุทร ที่ไม่สามารถเข้าถึงโครงข่ายโทรคมนาคมภาคพื้นดินได้ อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจให้กับกลุ่ม NT Satellite Solutions ในระยะยาว
สำหรับบริการ NT nexConnect ถือเป็นทางเลือกใหม่ของการใช้งานอินเทอร์เน็ตประสิทธิภาพสูง ผ่านเทคโนโลยีดาวเทียมวงโคจรต่ำของ Eutelsat OneWeb ซึ่งมีจุดเด่นด้านความเร็วในการเชื่อมต่อและค่าหน่วงสัญญาณที่ต่ำกว่าดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (GEO)โดยในระยะแรกเปิดให้บริการแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตความเร็วตั้งแต่ 10/2 Mbps ไปจนถึง 100/20 Mbps รองรับการใช้งานที่ต้องการการรับ-ส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ อาทิ โครงข่าย IoT และอุปกรณ์ปลายทางที่ต้องใช้แอปพลิเคชันที่หลากหลาย
สำหรับรูปแบบการให้บริการครอบคลุมทั้งการใช้งานบนภาคพื้นดินแบบประจำที่ (Fixed Land) แบบเคลื่อนที่ (Land Mobility) และการใช้งานในภาคพื้นมหาสมุทร (Maritime) สามารถตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นภาคพลังงาน ภาคการผลิต อุตสาหกรรมการบิน อุตสาหกรรมการเดินเรือ การขนส่ง การเกษตร หน่วยงานภาครัฐ รวมถึงโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลต่าง ๆ ตลอดจนการใช้งานเพื่อการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติ
พ.อ.สรรพชัยย์ เสริมว่า NT nexConnect ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเสริมศักยภาพการให้บริการอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย โดยขยายการเข้าถึงบริการ 5G และบรอดแบนด์ควบคู่ไปกับโครงข่ายไฟเบอร์ออปติก ลดปัญหาพื้นที่จุดอับสัญญาณ และลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล ช่วยเพิ่มโอกาสการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ห่างไกล พร้อมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศให้สามารถรองรับการติดต่อสื่อสารได้อย่างไร้รอยต่อทั้งบนภาคพื้นดินและภาคพื้นมหาสมุทร
พันเอก สรรพชัยย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการ NT nexConnect ถือเป็นก้าวใหม่ของธุรกิจบรอดแบนด์ความเร็วสูงของไทย และจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในกลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี หรือ Early Adopter ทั้งในภาคประชาชนและภาคธุรกิจ โดยเฉพาะองค์กรที่มีมูลค่าทางธุรกิจสูง ต้องการความเสถียรในการเชื่อมโยงเครือข่ายภายในองค์กร และการให้บริการแบบ End to End Service ซึ่ง NT มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการให้บริการแบบครบวงจร รองรับการขยายตัวของตลาดในอนาคต
ทั้งนี้ NT เชื่อมั่นว่า เทคโนโลยีดาวเทียมวงโคจรต่ำจะมีบทบาทสำคัญในการเสริมความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมของประเทศ ช่วยให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทุกพื้นที่อย่างมีเสถียรภาพ รวมถึงการขยายศักยภาพการสื่อสารไปยังภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์รัฐบาลในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และเป้าหมายระยะยาวในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการสื่อสารผ่านดาวเทียมของภูมิภาคในอนาคต
