ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
พลังงาน / สิ่งแวดล้อม ย้อนกลับ
ประวิตร เข้ม9จว.เหนือรีบคุมไฟป่า-หมอกควันให้หมด
12 เม.ย. 2563

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์  ไฟป่า หมอกควัน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน พร้อมประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (วีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์) ร่วมกับกองทัพภาคที่ 3 ผู้แทน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ผู้บริหาร ทส. ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก จังหวัดเชียงใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม โดยท่านรองนายกฯ ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้เข้มงวดดําเนินมาตรการในการรับมือสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน อย่างเต็มกําลังความสามารถ และได้เน้นย้ำ 1) ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระดมสรรพกําลัง อุปกรณ์เครื่องมือ และอากาศยาน เข้าดับไฟ ไม่ให้ลุกลามเป็นวงกว้าง และให้ดับไฟให้สนิท พร้อมเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการประทุของไฟขึ้นซ้ำในพื้นที่เดิม 2) สั่งการไปถึง ระดับตําบล หมู่บ้าน ให้จับตากลุ่มเสี่ยง ที่มีพฤติกรรมการเผาป่า หรือหาของป่า ล่าสัตว์ สําหรับผู้ได้รับสิทธิ์ในการใช้ ประโยชน์พื้นที่ป่า เช่น การจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามแนวทาง คทช. หากพบว่ามีการเผาในพื้นที่ ขอให้ตัดสิทธิ์ทันที 3) ให้ ทุกหน่วยงานคุมเข้มและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีการเผาตลอดช่วงห้ามเผาที่จังหวัดกําหนด และเร่ง เตรียมการรับมือการเผาสําหรับเกษตรกรหลังพ้นช่วงห้ามเผาด้วย สําหรับการจุดไฟเผาป่า ต้องหาตัวผู้กระทําผิดให้ได้ และ ให้เร่งส่งฟ้องและดําเนินคดีโดยเร็ว พร้อมทั้ง ให้ ผู้ว่าราชการจังหวัด แถลงข่าวการจับกุมและดําเนินคดี เพื่อเป็นการป้อง ปรามและเป็นตัวอย่างให้ประชาชนรับรู้ 4) ให้จังหวัดดูแลสุขภาพประชาชนจากมลพิษหมอกควัน ส่งเสริมการจัด safe  zone ที่บ้าน เพื่อลดผลกระทบจากมลพิษ และเป็นไปตามแนวทางการเฝ้าระวัง COVID-19  6) ให้ทุกหน่วยงานให้ความสำคัญกับการสื่อสารเกี่ยวกับการดำเนินงานของภาครัฐให้ประชาชนรับทราบควบคู่ไปกับการสร้างความรับรู้ความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรม ลดการเผาป่าและลดการเผาเศษวัสดุการเกษตร 7) สําหรับปัญหาหมอกควัน ข้ามแดน ให้ ทส. หยิบยกประเด็นการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน หารือกับประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชาใหม่ เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และหากพบการเพิ่มขึ้นอย่างมากของจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้าน ให้ประสานงานกับสํานักเลขาธิการอาเซียนอย่างใกล้ชิด 8) ให้กองทัพภาคที่ 3 และจังหวัดชายแดน เจรจาสร้างความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง หากมีความจําเป็นหรือมีการร้องขอความช่วยเหลือในการดับไฟ ให้พิจารณาช่วยเหลือตามความเหมาะสม และ 9) หลังสิ้นสุดสถานการณ์ ให้ ทส. ร่วมกับ กองทัพภาคที่ 3 จัดการถอดบทเรียน AAR เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดและยั่งยืนต่อไป

ทางด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  นายวราวุธ  ศิลปอาชา  ได้ตั้งเป้าหมายในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยสำหรับพี่น้องประชาชน ภายใต้คณะการกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยในปี 2563  จะดำเนินการให้แล้วเสร็จในพื้นที่ 2.3 ล้านไร่  ในปี 2564  พื้นที่  7.8  ล้านไร่  และในปี 2565 พื้นที่ 2.5 ล้านไร่  ซึ่งได้ มอบหมายให้กรมป่าไม้ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า  ส่งผลให้ประชาชนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าจะได้มีที่อาศัยทำกินในพื้นที่ป่า 12.6 ล้านไร่

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เผยเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปตรวจพื้นติดตามการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควันทางภาคเหนือ โดยมีการร่วมประชุมกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนในการดูแลพื้นที่ป่าที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ประโยชน์ นอกจากนี้หลังจากพ้นช่วงฤดูไฟป่า ขอให้หน่วยงานสำรวจตรวจสอบ หากพบมีบุคคลใดเข้าไปปรับพื้นที่เพื่อทำกินในบริเวณพื้นที่ป่าธรรมชาติที่ถูกไฟไหม้ หรือบุคคลใดที่อาศัยทำกินในเขตป่าแล้วขยายพื้นที่เกินกว่าที่ทำกินอยู่เดิม ให้จับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด และให้ตัดสิทธิตามมาตรการ คทช. โดยไม่ให้ได้รับสิทธิในการจัดที่ดินทำกินเดิมด้วย

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า ในการช่วยดูแลทรัพยากรป่าไม้ กรมป่าไม้ยังได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคประชาชน อาทิ เครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า เครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) และเครือข่ายป่าชุมชน  ที่ได้เสียสละเป็นจิตอาสา ช่วยดูแลพื้นที่ป่าไม้ที่อยู่ใกล้ชุมชนของตนเอง  และยังช่วยสอดส่องดูแล เฝ้าระวังไฟป่า  เมื่อเกิดเหตุก็ ช่วยดับไฟป่าในพื้นที่ ทั้งนี้ เครือข่ายสามารถช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแส กลุ่มคนที่เข้าป่าและจุดไฟเผาป่าให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินคดี หากเป็นผู้ได้รับสิทธ์ คทช. ก็จะดำเนินการตัดสิทธ์ต่อไป และหากพี่น้องเครือข่ายพบเหตุเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ป่าที่มีความรุนแรงเกินกว่าที่จะเข้าดับไฟหรือควบคุมสถานการณ์ได้  และมีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในการเข้าไปดับไฟ สามารถโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ ได้ที่สายด่วนพิทักษ์ป่า 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง
 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...