เมื่อเข้าสู่หน้าร้อน หลายคนคงเจอปัญหาค่าไฟกันเป็นประจำทุกปี แต่เอ๊ะ ... เพื่อน ๆ ทราบกันไหมครับ ว่าสาเหตุของค่าไฟสูงขึ้นนั้น เกิดจากอะไรกันบ้าง ตามไปดูกันเลย!!
ช่วงเดือน มี.ค. - พ.ค. อากาศร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 36 - 40 องศาเซลเซียส ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ทำความเย็นทำงานมากขึ้น และใช้ไฟฟ้ามากขึ้นตามมานั่นเอง เช่น แอร์ทำงานหนักกว่าเดิม เพื่อปรับอุณหภูมิจาก 40 องศาให้ถึง 26 องศาตามค่าที่ตั้งไว้ ซึ่งต่างกันถึง 14 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นตามมา
สถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลให้เกิดการเว้นระยะห่างทางสังคม หลายคนทำงานที่บ้าน หรือเด็ก ๆ ปิดเทอมระยะยาว ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่พักอาศัยและทำงานอยู่กับบ้านเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานตลอดทั้งวัน เช่น เปิดแอร์นานขึ้น เปิดปิดตู้เย็นบ่อยครั้ง หรือแช่อาหารในปริมาณที่มากขึ้น การประกอบอาหารด้วยเครื่องใช้ไฟฟ้า ใช้น้ำอุปโภคบริโภคมากขึ้น ทำให้ปั๊มน้ำทำงานมากขึ้นตามไปด้วย
วันนี้ MEA จึงมีคำแนะนำวิธีการประหยัดไฟฟ้ามาฝากกันครับ ได้แก่ การเลือกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน หมั่นดูแลบำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่สำคัญควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าจะทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ โดยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมถ่ายเท ใช้เครื่องปรับอากาศในช่วงเวลาจำเป็น ปรับเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมาอยู่ที่ระดับ 26 องศาเซลเซียส แต่หากต้องการความรู้สึกเย็นสบายเท่ากับ 24 องศาเซลเซียส ให้เปิดพัดลมช่วยโดยไม่ต้องลดอุณหภูมิของแอร์ การเปิดแอร์พร้อมพัดลมจะประหยัดไฟได้มากกว่าการลดอุณหภูมิของแอร์ เพราะพัดลมช่วยเพิ่มความเร็วลม เพิ่มการเคลื่อนที่ของอากาศ ทำให้รู้สึกเย็นสบายมากขึ้น ล้างเครื่องปรับอากาศอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ควรปิดสวิตช์และถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้งาน เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายจากกระแสไฟฟ้าลัดวงจรที่ก่อให้เกิดอัคคีภัยและยังช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย