นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน เปิดเผยว่ากรณีจัดซื้อถุงยังชีพให้ผู้สูงอายุ17ล้านบาทของอบจ.ลำพูน ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เรื่องจังหวัดได้มีประกาศห้ามคนที่มีอายุ 70 ปี และเด็กต่ำกว่า 5 ขวบพึงต้องปฏิบัติตัวคือ ไม่ออกจากบ้านเพราะเป็นกลุ่มเสี่ยง เป็นคำสั่งที่ทางส่วนกลางกำหนดมา ทุกจังหวัดก็ออกประกาศเหมือนกับที่ห้ามคน 70 ปี ออกมา แต่ทีนี้เมื่อห้ามเช่นนี้คณะกรรมการควบคุมโรค โดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำพูนก็เสนอในที่ประชุมว่า ถ้าไม่ให้เขาออกจากบ้านก็ควรจะมีถุงยังชีพที่ให้เขาอยู่ได้ โดยสุขภาพอนามัยเขาดีด้วย เช่น หาอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยเพื่อให้เขาดำรงชีพอยู่ได้ และไม่แพร่กระจายเชื้อและไม่รับเชื้อจากคนอื่นด้วย หลักการนายแพทย์สาธารณสุขก็เสนอแบบนี้ ในที่ประชุมไม่ขัดข้องเพราะยังไม่ทราบจำนวนคนที่จะเดือดร้อนเท่าไหร่ จึงมอบให้ อบจ.ลำพูน ไปพิจารณาในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ก็ทิ้งไว้เช่นนั้นตามมติของคณะกรรมการควบคุมโรค

“แต่ต่อมาเป็นว่า อบจ.เขาไปตัวเลขจากไหนก็ไม่รู้ เพราะคนอายุ 70 ปีของลำพูนมี 27,000 คน แล้วเขาไปจัดซื้อเองเลยหาอุปกรณ์ว่าซื้อแปรงสีฟัน ยาสีฟัน สบู่ จานช้อนแก้ว อะไรต่างๆเพื่อให้เขาแยกการใช้ในครอบครัวจะไม่ได้ปนกัน แต่ก็ไม่มีปัญหากับประเภทของที่ซื้อ ตามวัตถุประสงค์ที่จะให้เขาแยกของกินของใช้ออกจากครอบครัวจะได้ไม่ติดเชื้อในคนอายุ 70 ปี แต่ประเด็นก็คือ อบจ.ไปซื้อตั้ง 2 หมื่นกว่าชุด เป็นเงินกว่า 17 ล้านบาท”

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ยังกล่าวต่อว่า ส่วนของที่ซื้อก็ไม่สมราคาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ อบจ.จะต้องชี้แจงที่มาที่ไปต่อคณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วย ทั้งพาณิชย์จังหวัดเป็นต้น ซึ่งตอนนี้ทาง นายก อบจ.จะต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร และจะต้องไม่ชี้แจงด้วยวาจา เพราะใช้เป็นหลักฐานไม่ได้ หากพบว่ามีความผิดจริง เช่นราคาแพงเกินจริงทำให้ทางราชการเสียหายก็จะต้องถูกสั่งให้คืนเงินที่จัดซื้อจัดจ้าง รวมทั้งจะต้องพิจารณาโทษทางวินัยด้วย

ด้านนายนิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ได้เข้าพบกับ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง เพื่อรายงานชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนได้ชี้แจงกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดในเบื้องต้นแล้ว ว่า ถุงที่มอบให้กับผู้สูงอายุนั้น รวมทั้งสิ้น 27,700 ชุด ราคาชุดละ 590 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 16 ล้านกว่าบาท ซึ่งได้ดำเนินการมอบไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่ถุงยังชีพแต่อย่างใด ซึ่งโครงการนี้เร่งด่วนมากต้องดำเนินการภายใน 7 วัน เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดตอนนี้กำลังรุนแรง บางห้างร้านไม่สามารถที่จะจัดหาให้ได้

อย่างไรก็ตาม ตนก็จะมีการตรวจสอบภายในกับคณะกรรมการจัดซื้อด้วย พร้อมจะให้มีการตรวจสอบได้ด้วย

เนื่องจากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ภาพเอกสารบัญชีรายละเอียดการจ่ายขาดเงินสะสม ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ซึ่งระบุรายละเอียดงบประมาณค่าใช้จ่ายในโครงการป้องกันผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด-19 ในเขตพื้นที่ จ.ลำพูน ด้วยการจัดทำถุงยังชีพ หรือ CARE SET แจกจ่าย จำนวน 27,700 ชุด ราคาชุดละ 590 บาท ซึ่งมีการเบิกงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด 17,174,000 บาท

โดยข้าวของในถุงที่มีการแจกกันนั้น ประกอบด้วย ผ้าขนหนูเล็ก 1 ผืน ราคา 35 บาท, ผ้าเช็ดตัวใหญ่ 1 ผืน ราคา 100 บาท, สบู่ 1 ก้อน ราคา 15 บาท, ยาสีฟัน 1 หลอด ราคา 12 บาท, จานพลาสติก 1 ใบ ราคา 25 บาท, ถ้วยพลาสติก 1 ใบ ราคา 25 บาท, แก้วน้ำพลาสติก 1 ใบ ราคา 10 บาท, เจลล้างมือ 1 หลอด ราคา 50 บาท, ช้อนส้อม 1 คู่ ราคา 20 บาท, ผ้าปิดจมูก 3 ชิ้น ราคา 45 บาท, ซองพลาสติกใส่ของ ราคา 10 บาท และแปรงสีฟัน 1 อัน ราคา 15 บาท รวม 362 บาท ภาษี 7% 25 บาท ค่าดำเนินการ+กำไร 10% เป็น 36 บาท รวมทั้งสิ้น 423 บาท ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการเบิกใช้งบประมาณกว่า 17 ล้านบาท