หนังสือพิมพ์ People's daily รายงานว่า โปรตุเกสพร้อมร่วมมือในโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยนายหยางเจิ้นอู่ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์People's daily ได้พบกับ ประธานาธิบดี มาร์เชโลเรเบโลเดอซูซา แห่งสาธารณรัฐโปรตุเกส พร้อมทั้งนำข้อความจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนไปมอบให้ด้วย ณ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกสเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีเรเบโลเดอซูซากล่าวย้ำถึงความสนใจในความร่วมมือกับจีนในระหว่างการพบปะให้สัมภาษณ์กับนายหยางเจิ้นอู่ ผู้อำนวยการหนังสือพิมพ์People's daily โดยย้ำว่าประเทศของตนนั้นพร้อมที่จะกระชับความสัมพันธ์ในการร่วมมือกับจีนในการจัดตั้งโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง โดยการริเริ่มของโครงการนี้ถือเป็นการยกระดับการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและกลุ่มประเทศภาคพื้นยุโรป นอกจากนี้ ประธานาธิบดีเรเบโลเดอซูซายังให้ข้อสังเกตว่า โปรตุเกสเองจะต้องตั้งเป้าไว้ว่าภายในศตวรรษที่ 21 จะต้องทำให้ประเทศกลายเป็นจุดสำคัญของท่าเรือหลักในเส้นทางสายไหมนี้ ซึ่งประเทศทั้งสองต้องร่วมสร้างผลประโยชน์ที่มั่นคงร่วมกัน โดยเฉพาะในบริเวณเส้นทางการขนส่งทางเรือในเส้นทางสายไหมและบริเวณเชื่อมต่อของจีนและกลุ่มประเทศยุโรป “ทั้งนี้ท่าเรือไซน์ในโปรตุเกสถือเป็นประตูหลักเพื่อเข้าถึงทวีปยุโรป ในการที่จะดึงดูดการลงทุนและคู่ค้าจากจีนได้อย่างมากมาย”
ผู้นำโปรตุเกส กล่าวเพิ่มเติม ใน 10ปีที่ผ่านมาจีน ได้ให้โอกาสที่ดีทำให้โปรตุเกสได้มีโอกาสทางการค้าแบบทวิภาคีมากขึ้น "ความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้นระหว่างโปรตุเกสและจีน ทำให้เกิดการประสบผลสำเร็จอย่างมากมายทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม พลังงาน รวมถึงด้านอื่นๆอีกมากมาย และนอกเหนือจากนั้นยังได้ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่มายังโปรตุเกสเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งเกิดจากความสัมพันธ์และความร่วมมือแบบทวิภาคี รวมถึงการสนับสนุนซึ่งกันและกันในเวทีโลกที่มาจากความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างทั้งสองประเทศ”
นอกจากนี้ ผู้นำโปรตุเกส ยังแนะนำอีกว่า ยังมีโอกาสที่สำคัญอีกมากมายรอที่จะเกิดขึ้นจากการสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีแบบเชิงลึก และแบบพหุภาคี ทั้งในด้านการคิดค้น และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น และจะไปได้ไกลมากหากประเทศจากภูมิภาคอื่นๆเข้าร่วมในการร่วมมือครั้งนี้ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศแถบแอฟริกา เพื่อที่ทางโปรตุเกสเองนั้นจะสามารถขยายพื้นที่ความร่วมมือในภูมิภาคและสร้างความแข่งแกร็งทางเศรษฐกิจ ประธานาธิบดีเรเบโลเดอซูซายังกล่าวต่อว่า ความร่วมมือในด้านการคมนาคมขนส่งทางบกนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก และจะยิ่งดีหากทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนด้านพลังงาน การวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการร่วมมือกันในการขนส่งทางน้ำมากยิ่งขึ้น