ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง การเรียนการสอนในยุค โควิด 19 มีเนื้อหาดังนี้
ประมาณการณ์กันว่า นักเรียนและนักศึกษาถึงร้อยละ 98.5 ของโลก ที่ต้องหยุดเรียน
รวมทั้งประเทศไทยด้วย ขณะนี้ยังประกาศหยุดการเรียนการสอนแบบปกติ และจะมีการกำหนดการเปิดเทอมในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้
การกำหนดกฎเกณฑ์การไปโรงเรียน การเรียนการสอนจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ในเด็กเมื่อติด โควิด 19 อาการจะน้อยมาก หรือไม่มีอาการ แต่สามารถนำโรคไปติดคนในบ้านโดยเฉพาะปู่ ย่า ตา ยายได้ ผลกระทบก็จะเกิดขึ้น
มาตรการในการเรียนการสอน ครู นักเรียนและผู้ปกครอง ในระบบวิถีชีวิตใหม่ จะต้องเปลี่ยนไปและจะต้องปรับตัวให้ได้
ในปีนี้ การไปโรงเรียนจะต้องน้อยลง การเรียนทางไกล จะต้องมากขึ้น การเรียนการสอน จะเปลี่ยนเป็นแบบ เรียนที่บ้าน ทำการบ้านที่โรงเรียน นักเรียนจะต้องมีการสลับกันไปโรงเรียน มีภาคเช้า ภาคบ่าย การสลับวันไปโรงเรียน เพื่อลดจำนวนนักเรียนในชั้นเรียน
ในเด็กโตการเรียนออนไลน์ ต่อไปจะถือเป็นเรื่องปกติ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเข้ามาเร็วกว่าปกติ
ในเด็กประถมและมัธยมต้น จะปรับเปลี่ยนเป็นการเรียนทางไกล
ปัญหาจะอยู่ที่เด็กอนุบาล ในอดีตที่ผ่านมา พ่อแม่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน จะส่งลูกไปโรงเรียน และวันไหนลูกไม่ไปโรงเรียน พ่อแม่ก็จะเอาไปที่ทำงาน ต่อไปนี้ก็คงจะทำแบบนี้ไม่ได้ จะต้องมีการปรับกระบวนการเรียนการสอน ให้มีการพึ่งตัวเองมากขึ้น และมีการเรียนที่บ้านมากขึ้น
การปรับเปลี่ยนนี้ คงไม่ใช่เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น จะเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก เพื่อลดการระบาดของโรค จนกว่าจะมีมาตรการในการควบคุมโรคมีประสิทธิผลมากกว่าปัจจุบัน
ในปีนี้ การประชุมวิชาการต่างๆได้ถูกงดหมด ผมเองได้จัดสัมมนาบรรยายทางวิชาการที่เรียกว่า WEBINAR ประสบผลสำเร็จมาก และมีต้นทุนที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดบรรยายทางวิชาการ ในการประชุม เช่นการประชุมของราชวิทยาลัย สมาคมทางการแพทย์ต่างๆ การบรรยายเสวนาสามารถถูกบันทึกไว้ ให้ผู้เข้ามาเรียนนักศึกษาการกำหนดเวลาที่เรากำหนดได้
อุปสรรคที่จะต้องหาทางออกในเรื่องของการเรียนภาคปฏิบัติ การทำงานเป็นกลุ่ม จะต้องหาวิธีการที่เหมาะสมในแต่ละชนิดของวิชาชีพ