นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่าขณะนี้มีประชาชนอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐ ถึงแม้ทางหน่วยงานราชการจะพยายามปรับวิธีการทำงานให้เยียวยาเข้าถึงทุกกลุ่มมากยิ่งขึ้นแต่ก็ยังไม่ทั่วถึง ยังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่รอคอยความช่วยเหลือจากภาครัฐ
นอกเหนือจากกลุ่มคนที่รอเงินเยียวยาแล้ว ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คือครูอาสาพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ที่ทำงานอยู่ตามศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนใน กทม.ที่ยังไม่ได้รับเงินเดือนตามปกติ
โดยทั่วไปครูตามศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนจะได้รับเงินอุดหนุนเป็นเงินเดือนจาก กทม. แต่พอมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทาง กทม. สั่งปิดศูนย์รับเลี้ยงเด็ก ซึ่งรวมถึงศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนที่มีอยู่ 294 ศูนย์ใน กทม.
เมื่อศูนย์ถูกปิดตัวลงตามคำสั่งของ กทม. ทุกศูนย์ได้รับแจ้งจาก กทม. ว่าเงินเดือนของครู กทม.จะจ่ายให้ 38 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 62 เปอร์เซ็นต์ ให้ครูไปใช้สิทธิ์ทำเรื่องขอเงินชดเชยกรณีว่างงานด้วยเหตุสุดวิสัยวิกฤตโควิด-19 จากประกันสังคม ซึ่งครูก็เร่งทำเรื่องขอเงินชดเชยจากประกันสังคมเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินชดเชยแต่อย่างใด
ขอฝากให้กระทรวงแรงงานสั่งการไปยังสำนักงานประกันสังคม ให้เร่งพิจารณาจ่ายเงินชดเชยโดยด่วนก่อนที่ครูจะลำบากมากไปกว่านี้
ขณะที่เงิน 38 เปอร์เซ็นต์จากยอดเงินเดือนของแต่ละคนที่ครูจะได้รับจาก กทม. ปรากฏว่าครูก็ยังไม่ได้รับเช่นเดียวกัน กทม.ควรรีบโอนเงิน 38 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนครูแต่ละคนให้ครูโดยด่วนด้วย
เพราะครูอาสาได้เงินเดือนน้อยอยู่แล้ว เงินเดือนที่ได้ก็เอาไปใช้จ่ายในครอบครัวแบบเดือนชนเดือน เมื่อไม่ได้รับเงินชดเชยการว่างงานจากประกันสังคม และไม่ได้รับเงินบางส่วนจาก กทม. ก็ทำให้การใช้ชีวิตในภาวะวิกฤตโควิด-19 เป็นไปด้วยความยากลำบากมากขึ้น
จึงขอฝากให้กระทรวงแรงงานเร่งทำงานให้เงินชดเชยถึงมือครูอาสาเร็วกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ที่ล่าช้ามาก ขณะที่ กทม. ก็ควรเร่งส่งเงินเดือนอีกบางส่วนมาให้ครูอาสา เพื่อให้ครูมีชีวิตอยู่ได้ตามอัตภาพในภาวะวิกฤตต่อไป