เรื่องมันยิ่งลุกลามกันไปใหญ่แล้ว กรณีพิพาทที่ดินของชาวบ้านที่เป็นมรดกตั้งแต่สมัยพ่อ แต่กำลังจะ

เป็นมรดกเลือดในไม่ช้า เพราะฟ้องร้องกันอิรุงตุงนังซ้ำร้ายเป็นพี่น้องคลานตามกันมาชนิดว่าไม่เผาผีกันเลย เอกสารสิทธิทำกินในที่ดินส.ป.ก. ได้มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ แต่มามีปัญหาเมื่อพ่อและแม่ไม่อยู่แล้ว ผืนดินแห่งนี้เกิดอะไรขึ้น ล่าสุดนางวิมลได้เข้าพบนิติกรของสำนักงานส.ป.ก. ที่กรุงเทพฯ เนื่องจากหน่วยงานรัฐในพื้นที่เพิกเฉยและไม่ติดตามปัญหา ทั้งๆที่ได้ร้องเรียนไปหมดแล้วตั้งแต่ กำนัน นายกอบต. นายอำเภอตาพระยา ส.ป.ก.อำเภอตาพระยา และส.ป.ก. จังหวัดสระแก้ว คำตอบในเบื้องต้น ทางนิติกรบอกว่าสำนักงานปฏิรูปที่ดิน เพื่อการเกษตรกรรม ใช้ดาวเทียมตรวจสอบ พบว่า ที่ดินแปลง 14 ไร่เศษ "ไม่ได้อยู่บนที่ดินปฏิรูปเพื่อเกษตรกรรม" และเตรียมขออนุมัติจากเลขาธิการ ส.ป.ก. ลงพื้นที่ตรวจสอบว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. หรือไม่ หากไม่ได้อยู่ที่ดินดังกล่าว อยู่ในที่ดินอะไร และการออกเอกสารสิทธิทำโดยชอบหรือไม่

                ย้อนเรื่องก็คือว่านางวิมล เล่าว่าที่ดินผืนดังกล่าว นายละมุล หาญประสพ บิดา ได้รับอนุมัติจัดสรรที่ทำกินตั้งแต่ปี 2527 และแบ่งให้ นางวิมล 4 ไร่ เพื่อทำประโยชน์ด้านเกษตรกรรม เมื่อนายละมุล เสียชีวิต ที่ดินได้ตกทอดไปยังนางเชื่อม ซึ่งเป็นมารดา ในปี 2558 ก็ยังให้ทำเกษตรต่อไป และพัฒนาเป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงตามแนวพระราชดำริ มีหน่วยงานราชการและโรงเรียนในจังหวัดอื่นๆมาดูงานอย่างสม่ำเสมอ  ส่วนนางเชื่อม เองก็ย้ายไปอยู่กับ นายดิเรก หาญประสพ ลูกชายคนเล็ก ต่อมาเมื่อนางเชื่อมป่วยด้วยโรคชราภาพ นางบุญทิน ก็ขอเข้ามาร่วมดูแล และขอทำเรื่องโอนที่ดินให้กับตัวเอง โดยอ้างว่าเป็นพี่คนโต จะสามารถแบ่งที่ดินจำนวน14ไร่ ให้น้องไปทำมาหากินตามปกติ แต่เมื่อ นางเชื่อมเสียชีวิต ปี 2561 ก็เกิดปัญหาข้อพิพาทอย่างรุนแรง ระหว่าง นางบุญทิน กับ นางวิมลและน้องๆ โดยพี่สาวฟ้องขับไล่ และล้อมรั้วไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ 4 ไร่ ที่บิดาและมารดา แบ่งพื้นที่ให้เข้าทำเกษตรกรรม แล้วฟ้องศาลด้วยซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาแล้วและอยู่ในระหว่างการอุทธรณ์
                   และยังพบว่า ที่ดินเอกสารส.ป.ก.ของน้องชายอีกคนคือนายละมุล แปลงเลขที่ 51 เนื้อที่ 2 ไร่ 43 ตารางวา ซึ่งเป็นแปลงติดกัน ก็มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน โดย นางบุญทิน ก็ได้เข้าล้อมรั้วปิดกั้นทางเข้าออกและมีการฟ้องร้องในข้อหาบุกรุกเช่นกัน นายดิเรก บอกว่า ที่ผ่านมาพี่น้องทุกคน ไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน สาเหตุที่พี่สาวเปลี่ยนไป น่าจะถูกยุแยงจากคนนอกที่ต้องการที่ดิน

             ประเด็นใหญ่ขณะนี้คือที่ดินผืนนี้ทุกคนถือเอกสารส.ป.ก. มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปี2527 แล้วส.ป.ก.มายิงดาวเทียมพบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่อยู่ในเขตส.ป.ก. คำถามคือว่า ใครมาเปลี่ยนประเภทที่ดินได้ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐร่วมกับผู้นำท้องถิ่น เพราะจากข้อมูลพบว่าบนที่ดินพิพาท 14 ไร่ มี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เข้ามาทำประโยชน์สร้างฟาร์มเลี้ยงหมูขนาดใหญ่ และยังให้นางสอุ่ม ชุ่มเสนา มาเช่าที่ดินปลูกไร่มันสำปะหลังต่อ โดยมีการขอไฟฟ้าเข้าพื้นที่ โดยมีชื่อของนาย ทวี วงศ์พนม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 เป็นผู้ขอใช้ไฟฟ้า จึงตั้งข้อสังเกตว่าที่ดินดังกล่าว พี่สาวอาจนำไปจำนอง หรือ ขาย เปลี่ยนมือไปอยู่กับผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งตามกฎหมาย ที่ดิน ส.ป.ก. ไม่สามารถเปลี่ยนมือได้  แล้วไอ้โม่งที่มาเปลี่ยนเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ไว้ทำมาหากินตั้งแต่อดีต  เป็นเอกสารสิทธิอย่างอื่นที่สามารถซื้อ-ขายได้  นำไปกู้เงินได้ สร้างฟาร์มหมู จัดให้เช่าเพื่อหาผลประโยชน์ได้ รีบแก้ไขด่วน ก่อนที่จะเป็นมรดกเลือด++++++