นายสมพร มูลศรีแก้ว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2563 สามารถเก็บเงินสดเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 699 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวถือว่าใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานปกติของไตรมาสแรกในอดีต 3 ปีย้อนหลัง อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2562 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับชำระเงินจากลูกหนี้รายใหญ่รายหนึ่งจำนวนกว่า 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 บริษัทฯ ยังได้ถือปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีฉบับใหม่ (TFRS9) เป็นครั้งแรก ซึ่งส่งผลต่อรายได้ดอกเบี้ยของบริษัทฯ เนื่องจากเดิม BAM จะบันทึกรายได้เมื่อได้รับชำระเงินสด เปลี่ยนเป็น BAM บันทึกรายได้ตามเกณฑ์คงค้าง ทำให้ BAM มีรายได้ดอกเบี้ย/กำไรจาก NPLs ในส่วนที่ได้รับชำระจริง 1,786 ล้านบาท และส่วนที่ค้างรับ 1,238 ล้านบาท จึงมีรายได้ดอกเบี้ยสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ผลการดำเนินงานสะท้อนตามข้อเท็จจริง จึงต้องหักรายได้ดอกเบี้ยในส่วนที่ค้างรับออก โดยบันทึกผ่านบัญชี “ผลขาดทุนด้านเครดิตจากรายได้ในส่วนที่ค้างรับ” 1,238 ล้านบาท คู่กันไป

ในไตรมาส 1/2563 ลูกหนี้และผู้ซื้อทรัพย์ส่วนใหญ่ยังสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุมัติ ส่งผลให้ผลประกอบการใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางไว้ ตามที่กล่าวข้างต้น ในช่วงเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และความเป็นอยู่ของทุกภาคธุรกิจ BAM ได้ปรับกลยุทธ์และแผนการตลาดเพื่อรองรับเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้มีการจัดงานมหกรรมขายอสังหาฯ ออนไลน์ By BAM ภายใต้แนวคิด “อยู่ที่ไหนก็ชมงานผ่านหน้าจอได้” และมีการคัดทรัพย์ราคาพิเศษกว่า 900 รายการ มาเสนอขายในงานดังกล่าว ผ่าน Virtual booth หรือบูธออนไลน์บนหน้าเว็บไซต์ BAM และยังเปิดให้มีการจองซื้อทรัพย์ออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลาตลอด 24 ชั่วโมง ตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) โดยในช่วงระหว่างวันที่ 1-30 พ.ค. 2563 BAM อัดโปรโมชั่น ลูกค้าซื้อทรัพย์ รับฟรี ค่าโอน พร้อมแคมเปญ “โอนเร็ว รับเลย” สำหรับลูกค้าที่ซื้อทรัพย์และโอนภายใน 30 วันนับจากวันสิ้นสุดแคมเปญ ได้รับบัตรกำนัลมูลค่าสูงสุด 1 แสนบาท นอกจากนั้น BAM ยังมีการเจรจาขายทรัพย์แปลงใหญ่ให้กับนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และยังได้มีการจัดประมูลทรัพย์หลาย ๆ รายการที่มีผู้สนใจจำนวนมาก