พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 8 เข้าจับกุมชาวประมงพื้นบ้านและเรียกเงิน 5 ล้านเป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ไม่ถูกดําเนินคดีว่าได้รับรายงานจาก ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2563 นายอนุชา บินมูซา ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ จว. สุราษฎร์ธานี ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 รายในความผิดฐาน “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
"ซึ่งในวันนี้ (22 พ.ค.63) ผู้เสียหาย พร้อม พยาน จะเข้ามาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนและยืนยันตัวผู้ต้องหา โดย พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้มีคำสั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อเร่งคลี่คลายประเด็นข้อสงสัยให้ความกระจ่างกับสังคมและให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ตลอดจนการดําเนินการตามขั้นกฎหมาย"
รองโฆษกตร. กล่าวอีกว่า ในเรื่องนี้ได้มีการดำเนินการ ทั้งหมด 2 ส่วน คือ ส่วนของการดำเนินการทางวินัย ซึ่งได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จในเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมเร่งรัดให้รายงานผลภายใน 15 วัน โดยหากพบว่ามีมูล ก็จะมีคำสั่งตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและหากมีความผิดชัดแจ้งก็จะดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัย หรือ มีคำสั่งให้ออกจากราชการ และในส่วนของการดำเนินการทางอาญา ซึ่งผู้เสียหายได้เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น ยังอยู่ระหว่างสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ตามฐานความผิดที่กล่าวหาและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีความคืบหน้าประการใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป
สำหรับในเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับความประพฤติ วินัย การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาโดยตลอด อยากให้พี่น้องประชาชน เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบ แยกแยะ ตำรวจดี ตำรวจที่ไม่ดี ซึ่งในส่วน ตำรวจที่ไม่ดีนั้น ก็จะมีการดำเนินการลงทัณฑ์ทางวินัยและดำเนินคดีทางอาญาอย่างเด็ดขาดอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างและให้เสียขวัญกำลังใจ ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี