นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า ในวันนี้ที่จะมีการหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ ตัวแทนพรรคการเมืองเกี่ยวกับกรอบการอภิปรายพระราชกำหนดเกี่ยวกับการกู้เงิน ฝ่ายค้านจะยืนยันตามหลักการเดิมว่าไม่ควรมีข้อจำกัดในเรื่องเวลาการอภิปราย เพราะพระราชกำหนดดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญ อีกทั้งประธานสภาฯมีอำนาจควบคุมการประชุมได้ตามข้อบังคับการประชุมสภาฯ เช่น หากใครอภิปรายวกวนก็สามารถให้หยุดการอภิปรายได้ เป็นต้น
นายสุทิน กล่าวว่า สำหรับท่าทีของฝ่ายค้านต่อการลงมติในพระราชกำหนดนั้นฝ่ายค้านเห็นด้วยกับหลักการเพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังรอคอยความช่วยเหลือ แต่เนื่องจากการตราพระราชกำหนดดังกล่าวรัฐบาลไม่ได้กำหนดรายละเอียดสำคัญบางประการเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นที่มาของเงิน กระบวนการการใช้เงิน และการตรวจสอบการใช้เงิน ด้วยเหตุนี้ฝ่ายค้านจึงขอตั้งเงื่อนไขว่าหากฝ่ายค้านลงมติเห็นชอบกับพระราชกำหนดแล้ว รัฐบาลจะต้องรายงานการใช้เงินกู้ดังกล่าวต่อสภาทุกเดือน ไปจนถึงร่วมกับฝ่ายค้านในการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เสนอญัตติเข้าสู่สภาไปแล้ว
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่สภาจะพิจารณาพระราชกำหนดนายสุทิน กล่าวว่า การยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของพระราชกำหนดจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของฝ่ายค้านที่จะดำเนินการ เพราะฝ่ายค้านเห็นว่าหากยื่นตีความแล้วจะทำให้การดำเนินการตามพระราชกำหนดเกิดความล่าช้า แต่หากถึงที่สุดแล้วมีความจำเป็นก็จะต้องมาพิจารณากันอีกครั้ง ซึ่งยืนยันว่าการยื่นศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของฝ่ายค้าน
"เท่าที่ตรวจสอบพระราชกำหนดพบว่าอาจปัญหาการตราพระราชกำหนดสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญเนื่องจากมีข้อมูลว่ารัฐบาลเพิ่งดำเนินการกู้เงินไปเพียงบางส่วนเท่านั้น ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าการตราพระราชกำหนดอาจไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จึงเห็นว่าถ้ารัฐบาลจะดำเนินการเช่นนี้เงินส่วนที่เหลือที่จะต้องกู้ตามพระราชกำหนดควรเปลี่ยนมาเป็นการดำเนินการกู้ผ่านการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณกลางปีแทน เพื่อให้สภาได้ตรวจสอบ" นายสุทิน กล่าว