นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดทดลองให้ใช้บริการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 7 ส่วนต่อขยายช่วงพัทยา-มาบตาพุด เมื่อวันที่ 22 พ.ค. ที่ผ่านมา พร้อมระบุว่า วันนี้เป็นวันแรกที่จะเปิดทำการทดลองให้บริการมอเตอร์เวย์สายดังกล่าว หลังจากเริ่มพัฒนาในปี 2559 และจะเปิดเป็นทางการ ก.ย.นี้
ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางถนนเพื่อสนับสนุนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยการขยายมอเตอร์เวย์สายพัทยา - มาบตาพุด ไปอีก 7 กิโลเมตร (กม.) เพื่อเข้าถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา
“ทางหลวงหมายเลข 7 คงไม่ใช่เป็นโครงการที่ ทล.ทำเท่านี้ แต่ต้องขยายจากอู่ตะเภาไประยอง ปราจีนบุรี เพื่อเชื่อมไปประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งขณะนี้นายกฯ ให้มีการปรับปรุงแผนทำมอเตอร์เวย์ 6.6 พันกิโลเมตร ในประเทศไทย บูรณาการมอเตอร์เวย์กับรถไฟทางคู่ไปด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ ทล. ร.ฟ.ท.และกระทรวงคมนาคม ทำงานร่วมกัน โดยให้ สนข.ออกแบบ ถ้าสามารถทำได้ ไทยจะเป็นศูนย์กลางอาเซียน”
สำหรับนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ปรับปรุงแผนมอเตอร์เวย์ 6.6 พันกิโลเมตร บูรณาการให้สอดคล้องกับแผนพัฒนารถไฟทางคู่ ส่วนตัวมั่นใจว่ากระทรวงคมนาคมจะทำแผนแม่บทดังกล่าวแล้วเสร็จไม่เกิน 2 ปีนี้ ส่วนงบประมาณการลงทุนที่จะมีมูลค่าสูง จะมีการดึงแนวคิดเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน (พีพีพี) เข้ามาดำเนินการ โดยหากโครงการส่วนใดบูรณาการและออกแบบแล้วเสร็จ ก็จะทยอยเปิดประมูลก่อสร้างทันที
“เรื่องงบประมาณที่จะดำเนินการมีวิธีคิดเรื่องของระบบพีพีพี เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ได้ และเราก็มีเงินอยู่แล้ว เป็นเงินกองทุนมอเตอร์เวย์ ดังนั้น น่าจะดำเนินการเรื่องนี้เสร็จไม่เกินใน 2 ปี โดยจะเปิดให้ผู้ประกอบการไทยได้สิทธิก่อนในเรื่องนี้ แต่ถ้าไทยเต็มกำลังสามารถแล้ว ก็จะเปิดให้อินเตอร์บิดดิ้ง”
นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวอีกว่า แผนแม่บทมอเตอร์เวย์ เส้นคู่ขนานรถไฟทางคู่ แนวเส้นทางที่น่าจะเกิดขึ้นได้ เช่น รถไฟทางคู่ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย กระทรวงฯ ก็จะเอาโครงการมอเตอร์เวย์ไปประกบ โดยอาจไม่คู่ขนานกันไปตลอดแนวเส้นทาง เพราะต้องหลบชุมชนเพื่อไม่ให้กระทบประชาชน และต้นทุนในการก่อสร้างต่ำที่สุด
ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ช่วงพัทยา-มาบตาพุด พร้อมเปิดทดลองให้ประชาชนได้ใช้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 2563 เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป จนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2563 โดยไม่เก็บค่าธรรมเนียมผ่านทาง คาดการณ์ว่าจะมีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 3.6 หมื่นคนต่อวัน