ตามที่มีกระแสข่าวการทุจริตการหักค่าหัวคิวจัดหาที่พักรองรับผู้ที่สันนิษฐานว่าจะติดเชื้อโควิด-19นั้น นายกรัฐมนตรีทราบแล้วว่าใครเป็นใคร ถึงกับเปรยว่า รวยแล้วไม่น่าปล่อยให้ลูกน้องไปทำอย่างนี้ แม้นายกรัฐมนตรีจะทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้ว แต่แนวทางการสอบสวนจะตีกรอบอยู่ในกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับ 3 กระทรวง ได้แก่ กลาโหม มหาดไทย และสาธารณสุข ซึ่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบกับ ศบค. อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาอำนาจการเบิกจ่ายงบประมาณค่าโรงแรมแล้ว สามารถตัด 2 กระทรวงทิ้งไปได้เลย เพราะไม่มีหน้าที่พิจารณาคัดเลือกโรงแรมและเบิกจ่ายเงินงบประมาณ
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า กลุ่มบุคคลที่ไปเรียกค่าหัวคิว ไม่ใช่ข้าราชการ แต่เป็นผู้ติดตามนักการเมือง ส่งหน้าม้าไปเดินสายเคาะกะลาจนกลายเป็นข่าวอื้อฉาว แต่การสอบสวนอาจสะดุดหยุดลงเพราะเมื่อเปิดเผยชื่อคนเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อนักการเมืองและบานปลายกลายเป็นประเด็นการเมือง ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล จึงมีความเป็นไปได้ว่า การสอบสวนอาจตัดตอนเฉพาะหน้าม้าที่เข้าไปติดต่อเจ้าของโรงแรมเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดเผยชื่อผู้ติดตามนักการเมืองกลุ่มดังกล่าว หรือหาทางออกโดยระบุว่า ความผิดยังไม่สำเร็จ จึงดำเนินคดีไม่ได้เพราะเจ้าของโรงแรมยังไม่เกิดความเสียหาย
ทั้งนี้ ศบค.ต้องการโรงแรมเพื่อใช้กักตัวคนไทยที่ทยอยเดินทางกลับมาวันละ 400 คน คนละ 14 วัน ทำให้ต้องใช้ห้องพักอย่างน้อย 5,600-6,000 ห้อง จึงเปิดให้โรงแรมต่างๆ ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเข้าร่วมโครงการโดยทางรัฐจะจ่ายให้ห้องละ 1,000 บาทต่อวัน