ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
ความสัมพันธ์ไทย - จีน และ เศรษฐกิจเพื่อนบ้าน ย้อนกลับ
“ใส่ ภูทอง” คือใคร? เชื่อว่าคนในจังหวัดตราดส่วนใหญ่ไม่รู้จักแน่ แต่มาถึงวันนี้ ทุกคนต้องให้ความสนใจคนคนนี้
22 มิ.ย. 2559

          เมื่อ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งกัมพูชา เดินทางมาเป็นประธานงานสวดพระอภิธรรมศพ “ใส่ ภูทอง” ที่วัดคลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เมื่อตอนค่ำวันที่ 18 มิถุนายน 2559 และเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพในบ่ายวันที่ 19 มิถุนายน 2559

          เมื่อ 37 กว่าปีที่แล้ว ภายหลังการโค่นล้มระบอบเขมรแดงสำเร็จ

          “ใส่ ภูทอง” ในฐานะกรมการเมือง พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา ได้เป็นผู้เสนอชื่อ “ฮุน เซน” เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2528 ด้วยเหตุนี้ สมเด็จฮุนเซน จึงต้องเดินทางมาส่งดวงวิญญาณสหายอาวุโสด้วยตัวเอง

          “ลุงใส่” ใส่ ภูทอง เป็นชาวกัมพูชาเชื้อสายไทย หรือ “ไทยเกาะกง” เกิดที่บ้านนาบัด จ.เกาะกง ปี 2466 
ในอดีต “เกาะกง” คือจังหวัดปัจจันตคิรีเขตร ของราชอาณาจักรสยาม ด้วยแรงบีบของเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส สยามต้องลงนามในพิธีสารฉบับลงวันที่ 29 มิถุนายน 2447 ส่งมอบจังหวัดปัจจันตคิรีเขตรให้แก่ฝรั่งเศส

          ชาวไทยจำนวนมากที่ไม่อยากอยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส ได้อพยพมาอยู่ที่เกาะกูด และ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และเมื่อกัมพูชาได้เอกราช คนเกาะกงก็เป็นพลเมืองกัมพูชาโดยสมบูรณ์ครอบครัว “ลุงใส่” ก็อพยพมาอยูที่คลองใหญ่เช่นกัน และด้วยโชคชะตาฟ้าลิขิต ใส่ ภูทองในวัยหนุ่มใหญ่ ได้ออกจากบ้านที่คลองใหญ่ มุ่งหน้าสู่แผ่นดินกัมพูชา โดยเข้าร่วมการต่อสู้กู้เอกราชจากเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศส 

          ปี 2497 กัมพูชาได้รับเอกราช “ลุงใส่” ได้รวบรวมนักสู้กู้ชาติเป็นกลุ่มเขมรอิสระ และเดินทางไปเวียดนาม เพื่อศึกษาลัทธิมาร์กซ-เลนิน และศึกษาวิชาการทหาร

          ปี 2513 “ลุงใส่” กลับมาจากฮานอย และดำเนินการจัดตั้ง “พลพรรคไทยเกาะกง” ทำการต่อสู้ด้วยอาวุธ เพื่อขับไล่อิทธิพลสหรัฐในกัมพูชา จึงได้ทำแนวร่วมกับ “เขมรแดง” พร้อมกับกลุ่มเจ้าสีหนุ ทำการโค่นล้มรัฐบาลลอนนอล หุ่นเชิดสหรัฐและปลดปล่อยกัมพูชาสำเร็จในปี 2517 
เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา หรือ “เขมรแดง” ปกครองประเทศ “พลพรรคไทยเกาะกง” เจอข้อหาใกล้ชิดกับเวียดนาม จึงมีปฏิบัติการสังหารโหดแกนนำไทยเกาะกง

          “ลุงใส่” กับนักรบหนุ่มอย่าง “เตียบัญ” ต้องพาพลพรรคหนีตายมาอยู่ในป่าเขาชายแดนไทย-กัมพูชา 
ช่วงที่หนีการไล่ล่าจากเขมรแดง “ลุงใส่” กับ “เตียบัญ” ได้มารู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ จึงมีการช่วยเหลือกันแบบลับๆ ทั้งข้าวปลาอาหาร และยุทธภัณฑ์ให้แก่พลพรรคไทยเกาะกง

          ปี 2522 พลพรรคไทยเกาะกง ได้เข้าร่วมกับอีก 4 กลุ่ม จับมือกันเป็น “แนวร่วมสามัคคีประชาชาติกู้ชาติกัมพูชา” โดยการสนับสนุนของเวียดนาม นำกำลังทหารเข้ายึดกรุงพนมเปญ และโค่นล้มระบอบเขมรแดง

          จากนั้นมีการสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา” ในวันที่ 8 มกราคม 2522 โดย เฮง สัมริน ดำรงตำแหน่งประธานแห่งรัฐ และลุงใส่ เป็นรองประธานแห่งรัฐ

          อีกด้านหนึ่ง “ลุงใส่” เป็นประธานคณะจัดตั้งแห่งพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา เวลานั้น พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา มีกรมการเมือง 5 คนคือ เฮง สำริน, เจีย ซิม, ใส่ ภูทอง , เจีย สด และบู ทอง 
ปี 2528 พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา ต้องสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ ลุงใส่จึงชี้ไปที่ “ฮุน เซน” สหายหนุ่ม (วัย 33 ปีขณะนั้น)

          เหตุผลที่ลุงใส่เลือกฮุน เซน เพราะมองเห็นความเป็นผู้นำ และความสามารถในการบริหารประเทศ ซึ่งกรมการเมืองคนอื่นๆ ก็เห็นคล้อยตามลุงใส่ แม้ลุงใส่ จะไม่ได้มีตำแหน่งในคณะรัฐบาล แต่ก็ยังมีสหายไทยเกาะกงอีกคนหนึ่ง ที่มีบทบาทในรัฐบาลกัมพูชาจนถึงปัจจุบันคือ พล.อ.เตียบัญ รัฐมนตรีกลาโหม

          หลังจากกัมพูชามีการเลือกตั้ง และเปลี่ยนชื่อประเทศจากสาธารณรัฐประชาชนกัมพูชา เป็นราชอาณาจักรกัมพูชา ส่วนพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา ก็เปลี่ยนเป็นพรรคประชาชนกัมพูชา มีฐานะเป็น “พรรคสภา” ไม่ใช่ “พรรคปฏิวัติ” ลุงใส่ได้วางมือทางการเมือง และกลับมาใช้ชีวิตที่คลองใหญ่ บั้นปลายของชีวิต ลุงใส่เทียวไปเทียวมา ระหว่างคลองใหญ่กับโรงพยาบาลพระราม 9 จนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต

          ก่อนถึงวันสุดท้าย(12 มิถุนายน 2559) ของชีวิตลุงใส่ สมเด็จฮุน เซน และ พล.อ.เตีย บัญ ได้บินมาคารวะลุงใส่เป็นครั้งสุดท้ายที่ รพ.พระราม 9 ลุงใส่จากไปแล้วคงเหลือไว้เพียงตำนาน “คนสองแผ่นดิน” และฉากชีวิตนักปฏิวัติ “พลพรรคไทยเกาะกง”

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...