น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ในพื้นที่เชียงใหม่ จนถึงวันนี้ยังไม่ฟื้น หลังจากระสบปัญหาในช่วงปลายปี2562 จนถึงปัจจุบัน ทั้งฝุ่นพิษP.M.2.5 ไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่ และการระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือหยุดนิ่ง นอกจากนี้การเป็นเมืองท่องเที่ยวแต่รายได้จากการท่องเที่ยวเป็นศูนย์ ผู้ประกอบการอยู่ในภาวะใกล้ล้มละลาย เพราะไม่มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และการประกาศเคอร์ฟิวส์ ส่งผลให้กิจกรรมการค้าขายในหลายพื้นที่ประสบปัญหาทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับความมั่นคงเพียงมิติเดียว อยากถามว่าการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ใครได้ประโยชน์ ประชาชนหรือรัฐบาลกันแน่
น.ส.ทีศนีย์ กล่าวต่อว่า ปัญหาคือพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มองในมิติของเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการไม่สามารถที่จะวางแผนธุรกิจ รับนโยบายของรัฐบาลได้ เพราะหน่วยงานราชการอ้างว่า สถานการณ์ไวรัส-19 ยังไม่น่าไว้วางใจ จึงไม่ยอมที่จะคลายล็อค ให้พ่อค้าแม่ค้าทำกิจกรรมทางการตลาดได้ อยากให้รัฐบาลทบทวนมาตรการที่ออกมาเพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำลายเศรษฐกิจท้องถิ่น นอกจากนี้การระบาดไวรัสโควิด-19 ประเทศไทยไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และด้วยความสามารถทางสาธารณะสุขของไทย เชื่อว่าสามารถที่จะรักษาผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี รัฐบาลควรยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับประเทศไทยเช่นเดียวกับนานาอารยะประเทศที่ทยอยยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว
“รัฐไม่ควรที่จะจำกัดการใช้ชีวิตของประชาชน ควรเปิดโอกาสให้สามารถทำมาหากินตามปกติได้ หากรัฐบาลกังวลว่า ลดการ์ดลงแล้วจะเกิดปัญหา รัฐก็ต้องออกมาตรการในการป้องกันตัวเองของประชาชน เป็นแนวทางปฏิบัติให้กับประชาชน ทั้งประเทศ ไม่ควรใช้กฎหมายกดขี่ประชาชน เพราะไม่เกิดผลดี นอกจากนี้จะเป็นการกดดันประชาชนอย่างแรง ที่ผ่านมาประชาชนหมดหนทางและจบปัญหาด้วยการฆ่าตัวตายเป็นจำนวนมาก หากรัฐยังไม่เห็นใจประชาชนเชื่อว่าตัวเลขคนฆ่าตัวตายจะเพิ่มสูงขึ้นจนแซงคนที่ป่วยตายจากไวรัสโควิด-19 อย่างแน่นอน”น.ส.ทัศนีย์ กล่าว