ที่จังหวัดเชียงใหม่ สมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า นำชาวซาเล้ง รถเร่ ปิ๊กอัพ สามล้อ สี่ล้อ กว่า 500 คนมารับมอบชุดยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงวิกฤติไวรัสโควิด-19 จากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในภารกิจ "ซาเล้งเพื่อนยาก เราไม่ทิ้งกัน " โดยนายจุรินทร์ สัญจรลงพื้นที่มอบถุงยังชีพมาตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นมา โดยวันนี้ (6มิถุนายน2563) เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงใหม่โดยมีชาวซาเล้ง 5 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่แม่ฮ่องสอน
นายจุรินทร์ ได้ใช้เวลาช่วงแรกพบปะทักทายอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง กับพี่น้องผู้ประกอบอาชีพรับซื้อของเก่าซึ่งเป็นฐานรากลำดับล่างที่สุดของอุตสาหกรรมกระดาษ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานการแก้ไขปัญหาการนําเข้าเศษกระดาษจนสามารถใช้เวลาเพียง 2 เดือน เคาะทางออกให้ ประชาชนฐานรากคือชาวซาเล้ง ร้านรับซื้อของเก่า ผู้ประกอบการ โรงงานกระดาษ มีข้อยุติเกี่ยวกับราคารับซื้อเศษกระดาษ อย่างเป็นธรรมไม่ต่ำกว่า 2 บาท โดยล่าสุดชาวชาเล้งจังหวัดเชียงใหม่ ต่างรายงานนายจุรินทร์ว่าพวกเขาได้ความเป็นธรรมอย่างแรงเนื่องจากได้ราคารับซื้อกระดาษปัจจุบัน 2.50 บาทและบางอำเภอก็ 3 บาทแล้ว ทั้งนี้ได้ขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ว่าต้องการรัฐมนตรีที่ทำงานเอาจริงเอาจังเช่นนี้ถูกใจมาก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสมาพบกับพวกเราชาวซาเล้งเพื่อนยาก ผมไปมาหลายจังหวัดแล้ว เลยมีโอกาสพบกับพวกเราเพราะว่าพี่น้องชาวซาเล้งทุกคนถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ เพราะถ้าไม่มีพวกเราขยะจะล้นบ้านขยะ เต็มชุมชนไปหมด เพราะมีพวกเราที่ช่วยเก็บเอามารวบรวมและเอาไปไว้เป็นที่เป็นทางสู่ระบบการกำจัดขยะอย่างเป็นระบบ แต่ชีวิตพวกเราไม่ได้สวยงามอย่างที่ผมพูดเพราะว่าบางช่วงบางเวลาพวกเราเหน็ดเหนื่อย บางคนมีแต่รถเข็น บางคนมีถุงอยู่ใบเดียวก็เดินเก็บ คนมีรถปิคอัพก็ไม่ได้มีเยอะ ส่วนใหญ่ก็รถเข็นรถสามล้อ บางช่วงไปเก็บเศษกระดาษแล้วเอามาขายต่อเพื่อเลี้ยงชีพราคาไม่พอกิน
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประมาณเกือบครึ่งปีที่ผ่านมาราคาเศษกระดาษลงไปเหลือกิโลกรัมละ 50 สตางค์ เป็นที่มาที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสพบกับผมที่กระทรวงพาณิชย์ พวกเราไม่รู้จะไปพึ่งใครเลยไปเยี่ยมตนที่กระทรวง ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อให้ได้มีโอกาสเจรจาพูดคุยกันว่าทำอย่างไรให้ราคาเศษกระดาษสูงขึ้นมา พวกเราจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นให้พอเลี้ยงชีพก็ยังดี จึงเป็นที่มาของการนัดหมายพบปะให้พวกเราชาวซาเล้ง ร้านรับซื้อของเก่า โรงอัดกระดาษและโรงทำกระดาษ มาเจอกันโดยมีกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศเป็นเจ้าภาพ เลขานุการรัฐมนตรี บุญธีร์ พานิชย์ประไพ เป็นผู้ประสานงาน พูดคุยกัน 3-4 ครั้ง เป็นที่มาของความเอื้ออาทรเห็นอกเห็นใจกันและกำหนดข้อตกลงร่วมกันว่าต่อไปนี้ ร้านรับซื้อของเก่าก่อนที่จะมาถึงพวกเราชาวซาเล้งที่เก็บขยะจะช่วยรับซื้อเศษกระดาษกันกิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 2 บาท หลังจากนั้นราคาเศษกระดาษก็ดีขึ้นจากกิโลกรัมละ 50 สตางค์
" ดีใจที่วันนี้มาถึงเชียงใหม่ได้รับข่าวดีว่าบางรายสามารถขายเศษกระดาษได้สูงถึงกิโลกรัมละ 3.50 บาทแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ทุกคนบางคนก็ได้ 3 บาทบางคนก็ 2.50 บาท แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ถือว่ายังดีกว่าวันอื่นที่เราขายได้กิโลกรัมละ 50 สตางค์ขอแสดงความยินดีกับพี่น้องชาวซาเล้งทุกคนในที่นี้ด้วย
ถ้าราคาตกลงมาอีกท่านเดือดร้อนผมก็ยินดีต้อนรับพวกเราที่กระทรวงพาณิชย์ แต่ว่าอายุรัฐบาลจะมีจำกัดเต็มที่ที่สุดตามระบอบประชาธิปไตยอยู่ไม่เกินสี่ปี หลังจากนั้นถ้าพวกเรามีปัญหาในฐานะอะไรก็ตามผมก็ยินดีที่จะเข้ามาเอื้อมมือประสานงานช่วยเหลือพวกเราตลอดไป" นายจุรินทร์ กล่าว
ในระหว่างประชาชนและจุรินทร์ยังได้ขอบคุณผู้สนับสนุนถุงยังชีพข้าวสารอาหารแก่ชาวซาเล้ง เช่น สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย สมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย กรมชลประทาน โรงงานน้ำดื่มร่มรื่น มูลนิธิดอยอินทนนท์ แมคโครฯ และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประชาธิปัตย์ เป็นต้น