เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วสำหรับผู้สมัครว่าที่นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาโดยพรรคประชาธิปัตย์มอบหน้าที่ให้ ว่าที่ร้อยตรีไพรเจน มากสุวรรณ์ ลงสมัครในนามพรรค บรรยากาศคึกคัก พร้อมประกาศกร้าวบนเวที "ผมจะเป็นนายกอบจ.สงขลาคนต่อไปแน่นอน"เมื่อ เวลา 19.00 น. วานนี้(25 ก.ค.63)ที่ ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส. เขต 5 สงขลา และนายไพรเจน มากสุวรรณ์ ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาในนามของพรรคประชาธิปัตย์

นายเดชอิศม์ ขาวทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต 5 จังหวัดสงขลา กล่าวว่า วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งได้มอบหมายให้ผมเป็นตัวแทนเพื่อเข้าร่วม เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.สงขลา แบบเล็กๆ ก่อน โดยผู้ใหญ่ของพรรคทั้งหัวหน้าพรรคและผู้ใหญ่ของท่านอื่นๆ ได้มีมติแล้วว่าจะส่งคุณไพรเจน มากสุวรรณ์ ลงสมัครนายกอบจ. เนื่องจากท่านเป็นคนในท้องถิ่นจังหวัดสงขลา เป็นผู้มีคุณวุฒิเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถเข้ามาพัฒนาท้องถิ่นให้พัฒนาเทียบเท่าจังหวัดอื่นได้

นายเดชอิศม์ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า "จากที่เคยมีข่าวว่าผมจะลงสมัครเองนั้น ขณะนั้นหากแม้ว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่มีผู้ใดที่จะมาลงสมัครผมเองจะลาออกจาก ส.ส.เพื่อมาลงสมัครนายก อบจ. เอง แต่วันนี้เป็นมติของพรรคแล้วว่าจะคุณไพรเจนเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งท่านหัวหน้าจุรินทร์ ได้ร้องขอไว้ว่าผมยังต้องมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ที่ต้องรับผิดชอบในอนาคตขออย่าด่วนลาออกจากส.ส. มาลงเลือกตั้งท้องถิ่น และวันนี้ก็ลงตัวแล้วว่าพรรคได้มีผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมแล้วผมก็วางใจพร้อมสนับสนุนให้ท่านไพรเจนลงนายก อบจ."

ด้านว่าที่ร้อยตรีไพรเจน มากสุวรรณ์ ว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ. กล่าวว่า ตนเองเป็นคนพื้นที่อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลาโดยกำเนิด ครั้งนี้ได้กลับมาดูแลบ้านเกิดอีกครั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพร้อมที่จะพัฒนาและดูแลบ้านเกิดอย่างเต็มที่ และประกาศนโยบายสำคัญเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ว่า

1.ยกระดับให้ชาวสงขลาอยู่ดีกินดีทุกระดับ

2.สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3.จัดทำโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมถึงกัน

4.ส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น

5.ผลักดันให้สงขลาเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

6.ส่งเสริมสงขลาเมืองชายแดนให้เป็นประตูสู่การส่งออกที่ยิ่งใหญ่

7.ส่งเสริมการเรียนรู้ การศึกษานอกระบบ เพื่อมุ่งสู่การประกอบอาชีพ

8.ผลักดันสงขลาให้เป็นเมืองกีฬา

9.สงขลาต้องเป็นเมืองปลอดภัย