พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 ติดตามนโยบายของรัฐบาล ในการบริหารจัดการป่าไม้ทั้งระบบ ให้ทันต่อสถานการณ์และเป็นไปอย่างมีเอกภาพ ตลอดจนเพื่อเป็นการตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จนกระทั่งได้ออกประกาศระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ. 2560 แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ (คปช.) ขึ้น เพื่อเร่งขับเคลื่อนการจัดทำนโยบายป่าไม้แห่งชาติ และยุทธศาสตร์หรือแผนแม่บท เป็นแนวทางในการพัฒนาป่าไม้ของประเทศ พร้อมทั้งบูรณาการและสร้างการมีส่วนร่วมในการดำเนินการด้านต่าง ๆ
สำหรับการประชุมครั้งนี้ ได้มีการติดตามเรื่องการขออนุญาตส่งออกไม้สักสวนป่าออกจำหน่ายต่างประเทศและการขอยกเว้นพิกัดอัตราอากรขาออก ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้ร่วมกันหารือเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการปรับปรุงอากรขาออกไม้ท่อนและไม้แปรรูป และนำเสนอต่อ คปช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็น และมีเรื่องเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับการขอขยายกรอบระยะเวลาการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการจัดทำร่างนโยบายป่าไม้แห่งชาติและร่างแผนแม่บทพัฒนาการป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ 2 ออกไปอีก 6 เดือน และการขอขยายกรอบระยะเวลาการปฏิบัติงานของคณะอนุกรรมการศึกษารายละเอียดและผลกระทบเกี่ยวกับการส่งออกไม้สักสวนป่าและไม้พะยูง
ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล และคาดว่าจะสามารถจัดทำรายงานผลการศึกษาได้แล้วเสร็จภายในเดือนตุลาคม 2563 คณะอนุกรรมการฯ จึงประสงค์ขอขยายระยะเวลาในการปฏิบัติงานออกไปอีก 6 เดือนเช่นกัน นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการจัดสรรเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาไม้ผลและไม้ยืนต้น และโครงการศูนย์เฉพาะกิจป้องกันปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
เนื่องจากมีมติ ครม. ให้ ออป. ดำเนินการจัดสรรงบประมาณให้แก่โครงการทั้ง 2 โครงการดังกล่าว โดยการนำกำไรสุทธิจากการดำเนินงานของ ออป. ซึ่งตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมา ออป. ไม่สามารถดำเนินการจ่ายเงินได้ตามที่มติ ครม. กำหนด เนื่องจากไม่มีกำไรสุทธิที่จะนำมาจัดสรร ดังนั้น ในการประชุมครั้งนี้ จึงได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ได้พิจารณาให้ความเห็นก่อนที่จะเสนอเข้า ครม. เพื่อขออนุมัติให้ยกเว้นมติ ครม. โดยการของดจ่ายค่าใช้จ่ายที่ค้างจ่ายใน 2 โครงการดังกล่าว พร้อมขอยกเลิกมติ ครม. ที่เกี่ยวข้องต่อไป